เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ได้เผยแพร่สารของนายกรัฐมนตรีเนื่องในโอกาส “วันครอบครัว” ดังนี้ ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานหลักที่สำคัญที่สุดในสังคม เพราะเป็นทั้งรากฐานของการดำรงชีวิตและเป็นปัจจัยยึดเหนี่ยว สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ การมีสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง ถือว่าเป็นทุนทางสังคมที่มีศักยภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม และเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางสังคม การสร้างสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็ง จึงถือเป็นภารกิจหลักของทุกฝ่าย
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 กำหนดให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปีเป็น “ครอบครัว” โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของสถาบันครอบครัว อันจะนำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ในการพัฒนาและเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งสู่สถาบันครอบครัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในการร่วมกันหล่อหลอมสมาชิกในครอบครัวให้เป็นคนดี มีคุณภาพควบคู่กับคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้เป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของสังคมและประเทศชาติต่อไป รัฐบาลมีนโยบายทางด้านสังคมที่มุ่งหวังให้สถาบันครอบครัวได้ทำหน้าที่กล่อมเกลาและปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องด้วยการสร้างความรักความผูกพัน ความไว้วางใจต่อกัน ความเอื้ออาทร และความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นแก่สมาชิกในครอบครัว ปัจจัยหลักพื้นฐาน 3 ประการ ที่มีผลเกี่ยวข้องต่อกัน และส่งผลกระทบต่อความเข็มแข็งของครอบครัว คือ “เวลา กิจกรรม และการเรียนรู้”
เนื่องในโอกาสที่ “วันครอบครัว” ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 14 เมษายน 2552 นี้ ผมขอเรียนย้ำว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็งอย่างเต็มที่ และขอให้พี่น้องชาวไทยทุกคนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ด้วยการมอบความรักความอบอุ่นให้แก่กัน มีเวลาทำกิจกรรมและเรียนรู้ร่วมกัน อันจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งมั่นคง
ในโอกาสนี้ ขออาราธนาอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลประทานพรให้พี่น้องชาวไทยทุกครอบครัวทั่วประเทศ จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ และสัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป