วันนี้ (9 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินในการชุมนุมของคนเสื้อแดงสัญจร ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครสนใจและอยากกล่าวถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อีกแล้ว ยังมีแต่ตนเพียงคนเดียวที่ทนไม่ได้ แต่ก็พยายามที่จะห้ามใจไม่อยากโต้ตอบแบบรายวัน เพราะการโฟนอินแต่ละครั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเนื้อหาเดิมๆ เหมือนเอาหนังเก่ามาฉายใหม่ ซึ่งถ้าเป็นหนังดีก็พอทนดูได้ แต่กลับเป็นหนังน้ำเน่าก็น่าเบื่อหน่าย การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออดอ้อนกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าถูกทหารไล่ลงจากตำแหน่ง แต่กลับไม่ได้มองถึงสาเหตุว่าตนเองนั้น บริหารราชการแผ่นดินอย่างไรจึงเกิดเหตุผล 4 ข้อของการยึดอำนาจมีข้อไหนบ้างที่ไม่เป็นความจริง ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเพียงการใช้เวทีดังกล่าวรวบรวมคนเพื่อมาฟังพ.ต.ท.ทักษิณ พร่ำเพ้อพรรณนาเท่านั้น เห็นจากทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อจบการโฟนอินแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงก็สลายตัว แตกกระสานซ่านเซ็นอย่างรวดเร็ว ขณะที่แกนนำก็พออกพอใจในความสำเร็จ ใช้เป็นใบเสร็จไปรับเงินจากนายใหญ่ได้
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการนโยบายรัฐบาลที่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดเงินลงสู่รากหญ้านั้น นายเทพไท กล่าวว่า ก็อาจเป็นความจริงว่านโยบายของรัฐบาลต่างกันกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
การให้เบี้ยเลี้ยงกับผู้สูงอายุและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) รวมถึงนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเป็นรัฐสวัสดิการโดยเม็ดเงินถึงมือประชาชนจริงๆ ต่างกับนโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินโดยการกู้ยืม สุดท้ายเม็ดเงินที่ได้เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ รถมอเตอร์ไซค์ ล้วนแต่เป็นธุรกิจในกลุ่มทุนของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่เอานโยบายนั้นๆ มาบังหน้าเพื่อผันเงินหลวงเข้ากระเป๋าตัวเองทางอ้อม
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการปฏิรูปการเมืองนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงที่จะเอื้อประโยชน์เพื่อตัวเอง
โดยพยายามให้องค์กรซึ่งเป็นที่เชื่อถือรับเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูป โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลายฝ่ายรวมถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่างก็เห็นด้วยว่าความยึดโยงกับองค์กรมากกว่าให้ความสำคัญกับตัวบุคคล ในที่สุดก็เห็นว่าสถาบันพระปกเกล้า เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา และทำหน้าที่ด้านวิชาการเพื่อการพัฒนาทางการเมือง แต่เมื่อมี ส.ส. บางคนของพรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้านไม่ยอมรับความเป็นกลางของสถาบันพระปกเกล้า จึงอยากถามว่า จะใช้สถาบันใดมาเป็นเจ้าภาพ ถ้าจะเสนอให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพก็จะถูกตำหนิอีกว่า อธิการบดีไม่เป็นกลาง ถ้าจะให้ถูกใจพรรคเพื่อไทย ก็ควรเสนอให้มหาวิทยาลัยชินวัตรเป็นเจ้าภาพจะดีที่สุดใช่หรือไม่