ทักษิณโฟนอินสอนอภิสิทธิ์อัด2.5แสนล้านลงระบบแก้ศก.

คมชัดลึก :นปช.ดาวกระจายอีสานปักหลังขอนแก่นจังหวัดแรก เสื้อแดงแห่ร่วมความจริงวันนี้แค่ 5 พันคน "มท.3"สอนดูม็อบคปท.เป็นตัวอย่างในการชุมนุม“พงศ์เทพ”เชื่อฮ่องกง-ไทยใกล้บรรลุข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่กระทบทักษิณ แต่ประกาศยกเลิกกำหนดการขึ้นเวทีปาฐกถา 12 มี.ค.นี้อีกแล้ว “ปณิธาน”ชี้“ฮ่องกง”ยึดประโยชน์ชาติมากกว่าตัวบุคคล


เมื่อเวลา 11.00น. วันที่ 8 มี.ค.52 บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และ กลุ่มนปช. ทื่มีกำหนดการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้สถานที่บริเวณถนนหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยกลุ่มการ์ด นปช. มีการนำแผงเหล็ก เครื่องกั้นและยางรถยนต์ มาวางไว้ เพื่อปิดถนนเส้นทางดังกล่าวและตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่ บริเวณตรงข้ามกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ภ.4 ขณะที่ ด้านข้าง บ.ข.ส. และภายในสวนรัชดานุสรณ์ ไปจนถึงหน้า รร.อนุบาลขอนแก่น กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ได้มีการนำสินค้าที่ระลึก อาทิ ผ้าโพกศีรษะ ผ้าพันคอ เข็มกลัด เท้าตบ ภาพอดีตนายกทักษิณ ในการลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ และเสื้อที่ระลึก สีแดงมีรูปลวดลายประเภทต่างๆ นำมาวางจำหน่าย
 ขณะที่กลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง สนามบินสุวรรณภูมิ กว่า 20 คัน และ กลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ กว่า 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่ท่าอากาศยานจังหวัดขอนแก่น เพื่อรอรับนายจตุพร  พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ  ใสเกื้อ และนายวีระ  มุกสิกพงษ์ แกนนำกลุ่ม นปช. รวมถึง กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทยและอดีต รัฐมนตรี หลายคน ที่จะเดินทางมาถึงจังหวัดขอนแก่น ในเวลาช่วงเที่ยงเพื่อร่วมรายการความจริงวันนี้สัญจร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ กองร้อยควบคุมฝูงชน  อย่างเต็มที่
 นอกจากนี้กลุ่มแท็กซี่ กลุ่มรถโดยสาร และกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนหนึ่ง ใช้รถขยายเสียงขับไปตามถนนสายต่างๆ โดยรอบเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อประกาศเชิญชวนให้ประชาชน มาร่วมกิจกรรมด้วย
 นอกจากนี้ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้นำมวลชนพร้อมรถสองแถวโดยสารจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นลงเดินไปยังบริเวณที่มีการจัดเวทีการชุมนุมถนนหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นที่ห่างไปประมาณ 8 กม. โดยนายขวัญชัย ได้นั่งรถติดเครื่องขยายเสียงกล่าวปลุกระดมมวลชน พร้อมทั้งกล่าวโจมตีรัฐบาลโดยการนำของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตลอดเวลา
 ส่วนบริเวณภายในศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 คน ค่อยดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งประตูทางเข้าออกศาลากลางจังหวัดทั้ง 4 บาน ถูกปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาสร้างความเสียหาย อีกทั้งบริเวณรอบสถานที่การชุมนุมยังได้มีการตั้งจุดตรวจอาวุธอย่างเข้มงวด
 นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้กำชับให้ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ประจำโดยรอบสถานที่ของการชุมนุมที่จะต้องให้ความอดทนอย่างมากป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงและการกระทบกระทั่งกันของทุกฝ่าย จากการข่าวมีความชัดเจนว่ากลุ่มพันธมิตรจะไม่ออกมาเคลื่อน แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกลุ่มมือที่สาม ที่อาจะเข้ามาก่อกวน หรือมาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ส่วนการพูดคุยกับแกนนำกลุ่ม นปช. เบื้องต้นยืนยันชุมนุมอย่างสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งมั่นใจว่าตลอดของการจัดรายการความจริงวันนี้ 12.00 น. เป็นต้นไป จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
 ขณะที่ พ.ต.อ.รัฐพงษ์  ยิ้มใหญ่ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ศูนย์ปฏิบัติการล่วงหน้า (ศปก.สน.) กล่าวว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยขณะนี้ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจำนวน 1,350 นาย มาปฎิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยสนธิกำลังจากกองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ภาค 2 จำนวน 1 กองร้อย ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดใกล้เคียงจำนวน 8 กองร้อย และ เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.23 จำนวน 1 กองร้อย  ใช้แผน “กรกฎ 51” ในการควบคุมฝูงชน
 ขณะเดียวกัน ยังคงจัดชุดนอกเครื่องแบบออกตรวจโดยรอบสถานที่จัดการชุมนุม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย คอยดูแลภายในบริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการดูแลรักษาความปลอดภัยแบ่งเป็นการตรวจค้นพื้นที่รอบนอกการจัดชุมนุม อีกชุดตรวจค้นบริเวณทางเข้าออกบริเวณที่มีการชุมนุม และชุดสุดท้ายตรวจสอบภายในพื้นที่การชุมนุม  ซึ่งทางตำรวจจะเฝ้าติดตามกลุ่มผู้ชุมนุมตลอดทั้งช่วงของการโฟนอิน และในช่วงค่ำของวันนี้จนกว่าสถานการณ์จะยุติหรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ดาวกระจายเสื้อแดงระดมคนได้แค่5พัน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 มี.ค.2552 พ.ต.อ.ฉลอง  ภาคย์ภิญโญ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแกน ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ ศูนย์ปฎิบัติหารส่วนหน้า ตร.ภ.จว.ขอนแกน ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าทำการควบคุมตัว นายลพ  บุญวิเชียร อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.7 ต.เชียงแถว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมของกลางอาวุธมีดยาว 6 นิ้ว ในกระเป๋ากางเกง  ขณะที่กำลังจะเดินเข้ามาบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย ท่ามกลางความตกใจของผู้ชุมนุม และแกนนำผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ที่กำลังยืนรอขึ้นเวทีปราศรัย
 ขณะที่การดำเนินรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ จ.ขอนแก่น ได้เริ่มขึ้นด้วยการเปิดตัวผู้ดำเนินรายการ ทั้ง 3 คน อดีต ส.ต.พรรคพลังประชาชน อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำเอแดงจากจังหวัดต่างๆ ที่มารอขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางการร่วมเดินทางเข้าร่วมชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จากจังหวัดต่างๆทั่วทั้งประเทศ กว่า 5,000 คน
 แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงระบุว่า การจัดรายการความจริงสัญจรครั้งแรกในต่างจังหวัด ที่ขอนแก่น วางเป้าว่าจะมีการระดัมคนจากทุกจังหวัดมาร่วมชุมนุมวันที่ 8 มี.ค.ประมาณ 3-4 หมื่นคน ซึ่งฝ่ายการเมืองซีกรัฐบาล และฝ่ายปกครองในจังหวัดประเมิน หากจำนวนคนมากก็จะให้กลุ่มเสื้อแดงไปใช้สนามกีฬากลางจังหวัดเพราะจากสภาพอากาศร้อน และคนที่มาส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่น โดยสภาพสถานที่จะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยืดเยื้อไม่ได้ แต่เมื่อแกนนำประเมินจำนวนคนมาไม่มากจึงเปลี่ยนสถานที่เป็นถนนหน้าศูนย์ราชการ ที่มีสวนสาธาณะอยู่ข้างๆ และพื้นที่แคบ ทำให้การชุมนุมดูว่ามีคนจำนวนมาก และแก้ปัญหาอากาศร้อนได้ โดยสถานที่แห่งนี้ช่วงสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.ขอนแก่น เคยใช้เป็นที่ชุมนุมมาก่อน
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.50 น. นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปบนเวที หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 นาที นายสมชาย ก็ได้ลงจากเวที โดยไม่มีการกล่าวปราศรัย แต่อย่างใด

ทักษิณโฟนอินสอนอภิสิทธิ์อัด2.5แสนล้านลงระบบแก้ศก.

 เมื่อเวลา 19.52 น. ในช่วงที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.ปราศัยบนเวที โดยมีชาวเสื้อแดงเหลืออยู่ประมาณ 1,500 คน โดยนายวีระได้แจ้งว่า พล.ต.ท.ทักษิร ชินวัตร อดีตนายกฯ โทรเข้ามา โดยนายวีระแจ้งให้พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบว่า มีประชาชนเสื้อแดงจำนวนหลายหมื่นคนมาชุมนุมที่จังหวัดขอนแก่น และพ.ต.ท.ทักษิณ ที่พูดโดยไม่มีภาพทักทายสวัสดีคนเสื้อแดง และขอโทษที่ไม่สามารถมองเห็นการชุมนุมได้ และนายวีระได้ขออนุญาต พ.ต.ท.ทักษิณว่า เขาเรียกว่า “ท่านนายกฯ” เพราะความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และคนเสื้อแดงอยู่
 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "ได้รู้ว่าพี่น้องชาวเสื้อแดงมาอยู่กันที่นี่มากก็ดีใจ บางท่านก็บอกว่า เอ ถ้าผมคุยกับประชาชนที่นี่แล้วจะมีปัญหา แต่ผมก็คิดถึง ตอนที่เคยมาพบประชาชนที่ภาคอีสานเป็นประจำ พอไม่ได้เห็นก็โทรศัพท์ มาคุยเรื่อยๆอย่างนี้หล่ะครับ ผมก็คิดถึงประชาชนของผมเหมือนกัน ผมเห็นว่าเศรษฐกิจมันไม่ไหว ปี2549 ผมเคยบอกว่า สิ้นปี 2552  ผมจะทำให้ความยากจนมันหายไปจากประเทศนี้ โดยผมจะใช้เงิน  2.5 แสนล้านบาท  ที่ผมหาด้วยตัวเองได้ แต่เขาก็ไล่ผมไป ตอนแรกก็คิดว่าเมื่อมีการปฏิวัติมันจะจบไปในตอนนั้น แต่มันไม่หมด มีการใช้พันธมิตร ในที่สุดก็ปลดรัฐบาล แล้วก็เอาทหารไปกดดันให้ตั้งรัฐบาลใหม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ อย่างนี้เรียกประชาธิปไตยมั๊ย ครั้บ มันเป็นการปฏิวัติเงียบ"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "เรื่องยาเสพติด รู้มาว่ามันกลับมาระบาดทั่วประเทศ หนี้นอกระบบ มันกลับเข้ามาแล้ว พี่น้องครับเศรษฐกิจโลกกำลังลำบาก สินค้าเกษตรมันไม่ได้ราคา พี่น้องเชื่อมั๊ยว่า พ่อค้าใหญ่ หลอกนักการเมือง  นักการเมืองก็หลงเชื่อ พ่อค้า นักการเมืองก็ได้ประโยชน์ ผมเป็นห่วง บอกว่า ถ้าใครตกงานก็เป็นเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้เก็บหอมรอมริบ"
 นายวีระ ได้ถาม ถ้าปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช้วิธีการกู้เงินมาแก้ปัญหาหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "ผมไม่กู้แน่นอน ผมจะกระจายเงินลงสู่ระบบหลายแสนล้าน ไม่เอามาแจก เพราะไม่ได้อะไร เอางานมาให้ เอาช่องทางการทำมาหากินมาให้ เอาทุนมาให้ การบริโภคต้องเกิดมาจากการทำมาหาได้ รัฐบาลยังไม่เข้าใจ" 
 นายวีระ กล่าวถามว่า ขนาดรัฐบาลชุดนี้แจกเงิน แต่ไปที่ไหนก็ยังถูกไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "มันแก้ยากถ้าวันนี้ประเทศไทยยังมีสองมาตรฐานในสังคม เมื่อความเป็นธรรมไม่เกิดเสื้อแดงก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทหารตั้งรัฐบาลเสื้อแดงมันก็โตขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ ผมอยากจะฝากคนเสื้อแดงว่า ในหลายจังหวัด มีผู้นำหลายกลุ่ม อยากบอกว่าอุดมการณ์ยังตรงกัน เราต้องมีหัวใจดวงเดียวกัน  วันนี้พันธมิตรก็ตั้งพรรคการเมืองแล้วครับ สุดท้ายก็อยากเข้าไปสภา อยู่ข้างนอกมานานก็อยากเข้าไป" 
“พี่น้องครับ ถ้าสมมติฐานนี้มันผิด มันก็อยู่ต่อไป พี่น้องเราก็ต้องยึดประชาธิปไตยต่อไป เพราะพวกนี้ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ตอนนี้ประเทศวิกฤติ เดินทางรอบโลก เห็นมามาก บางประเทศเขาทำนรกเป็นสวรรค์ บางประเทศทำสวรรค์ให้เป็นนรก เรามีเสาหลัก 3 เสา ถ้าการเมืองมันเน่า ก็ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจมันดีขึ้นได้ ผมจึงอยากฝากบอกว่า ผมศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เอาไว้เมื่อกลับไปแล้วจะได้ทำประโยชน์กับประเทศชาติ ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงสุขภาพว่า "สุขภาพก็ดี  แต่บางทีมันก็มีมีความเหงา เพราะต้องร่อนแพนจร มันก็คิดถึงบ้าน เคยออกต่างจังหวัด และมีความสุขมากที่ได้ออกต่างจังหวัด ได้นั่งกินข้าวเหนียว"  และนายวีระ กล่าวว่า ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี และอย่าหลงกล คนเสื้อเหลืองที่บอกให้กลับมาสู้คดี ปล่อยให้คนเสื้อแดงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

"ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คนไทยเป็นคนให้อภัย ให้กลับมาเถอะ ผมก็สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศไปว่า ผมผิดหวังกับคุณอภิสิทธิ์มาก คุณบอกว่าเชื่อมั่นระบอบประชาธิปไตยแต่ไปคบกับเผด็จการ คุณเป็นนักประชาธิปไตยหรือเปล่า หรือเพียงเพราะอยากเป็นนายกฯ"

 ช่วงสุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “วันนี้ผมบอกประชาชนได้เลยว่า ใครอยากให้พูดก็จะพูดให้หมด แต่ตอนนี้เหมือนไก่เหงา เพราะไม่ได้ตี”

และในวันที่ 14 มี.ค.ที่กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมที่จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ทักษิณ รับปากจะโฟนอินอีกรอบ ซึ่งเสียงการโฟนอินที่จังหวัดขอนแก่นที่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  เสียงสัญญาณขาดๆหายๆบางช่วง โดยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะโทรศัพท์จากเครื่องบินส่วนตัว
 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น แกนนำได้ทำการปราศรัยต่อ และทำการปิดเวที และกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้สลายการชุมนุมโดยสงบ เมื่อเวลา 21.18 น.
"มท.3"สอนคนเสื้อแดงดูม็อบคปท.เป็นตัวอย่างในการชุมนุม
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย(มท.3 ) กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างการลงพื้นที่ จ.ลพบุรี พร้อมทั้งมีการข้างปาสิ่งของเข้าใส่ ว่า อยากให้ดูการชุมนุมของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย(คปท.)เป็นตัวอย่าง เพราะเป็นการชุมนุมโดยสงบไม่ผิดกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดที่จะมาชุมนุม หากใช้วิธีที่ผิดกฎหมายรัฐก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งข้าราชการก็มีหน้าที่รักษากฎหมาย
 ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาลหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ถ้าเห็นว่าเป็นปัญหา อุปสรรค นายกฯ คงไม่เดินทางไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ และแก้ปัญหาของคนทั้งประเทศกว่า 63 ล้านคน แต่คนเพียงแค่ 200 คน ปารองเท้า ปาขวดน้ำเข้าใส่ ตนคิดว่าประชาชนที่ไม่ได้มาชุมนุมเขาก็เห็นว่าอะไรผิดอะไรถูก

 ตร.พัทลุงระดม500คน รปภ.สาทิตย์ลงพื้นที่
 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลกลางจังหวัดพัทลุง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยมีนาย สุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง 3 สส.พรรคประชาธิปัติย์พัทลุง และหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองท้องถิ่น ให้การต้อนรับและร่วมประชุมรับฟังนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และปัญหารับฟังปัญหาการดำเนินงานของกลุ่มงานจังหวัด
 นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงมีประชากรทั้งสิ้น 502 , 563 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 68,642 คน ได้รับเบี้ยยังชีพจำนวน 14,259 คน และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขอขึ้นทะเบียน
 ในส่วนของสมาชิก อสม.มีทั้งสิ้น 9 , 941 คน นอกจากนั้นแล้วในปีงบประมาณปี พ.ศ. 2553 ทางจังหวัดได้ของบประมาณ จำนวน 512.97 ล้านบาท แต่ทางรัฐบาลอนุมัติงบมาให้แค่ 200 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาจังหวัด ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ทะเลสาบน้ำจืด และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อประชาชน
 สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขในพื้นที่จังหวัดพัทลุงโดยด่วน คือปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำของชาวบ้าน ปัญหาขยะล้นเมือง และปัญหาระบบนิเวศน์ในทะเลสาบสงขลา รวมถึงปัญหาความแห้งในพื้นที่
 นายสาทิตย์ กล่าวว่า จากรายงานการดำเนินการ ในเรื่องต่างๆ ของ จังหวัดพัทลุง ทั้งเรื่องเบี้ยยั้งชีพ ผู้สูงอายุ ซึ่งมีผู้สูงอายุมาจดทะเบียนแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เรื่องค่าตอบแทน อสม. ซึ่งมี อสม.มาแสดงตนแล้วกว่า 9 พันคน เรื่องการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ที่มีผู้มายื่นแบบของรับเช็คแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งผลการดำเนินงานด้านต่างๆ นั้นมีผลเป็นที่น่าพอใจ
 ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการเดินทางมาวันนี้ ทางจังหวัดได้ระดมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อปพร.กว่า 500 นาย เพื่อเฝ้ารักษาความสงบตามจุดๆ ตลอดเส้นทางที่รัฐมนตรีฯผ่าน และบริเวณรอบๆศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มเสื้อแดง แต่สุดท้ายจนกระทั่งรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับก็ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือมาผู้ก่อกวนเหตุการณ์ให้วุ่นวายแต่อย่างใด

"ทักษิณ"หนาวฮ่องกง-ไทยใกล้บรรลุข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน

หนังสือพิมพ์ซันเดย์มอร์นิ่ง ของฮ่องกง รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่น่าเชื่อว่า ขณะนี้ ทางการฮ่องกง ใกล้บรรลุข้อตกลงร่วมกับทางรัฐบาลไทย ในการทำข้อตกลงเรื่องการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันแล้ว ซึ่งอาจจะมีผลถึงความชัดเจน กรณี การส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมารับโทษจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดา ที่ประเทศไทยแล้ว

ถึงแม้ว่าในขณะนี้ ร่างสนธิสัญญาดังกล่าว จะยังไม่มีการระบุความสัมพันธ์ในคดี ที่อาจจะเชื่อมโยงกับคดีความ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตาม ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังมีแผนขึ้นปาฐกถา ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ บนเวทีสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮ่องกง ในวันที่ 12 มี.ค. นี้ ภายหลังจากได้เลื่อนจากกำหนดเดิม เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา
 ด้าน นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการ ฝ่ายคดีต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตนเองยังไม่ได้รับทราบถึงรายงานข่าวดังกล่าว แต่ในเบื้องต้น ทางอัยการ กำลังอยู่ระหว่างการหารืออย่างจริงจัง กับทางการฮ่องกงในเรื่องดังกล่าวอยู่ เพราะที่ผ่านมา มีอาชญากรจำนวนมาก อาศัยช่องโหว่ในเรื่องที่ทางไทยและฮ่องกง ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน หลบหนีการดำเนินคดีไปจำนวนมาก ส่วนรายงานข่าวดังกล่าวนั้น ตนเองต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

“พงศ์เทพ”เชื่อไม่กระทบทักษิณ

ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า  พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เดินทางไปขึ้นเวทีปาฐกถา ในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจ ความแน่นอนทางการเมือง บทเรียนจากประเทศไทย” ที่ฮ่องกง ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน แต่จะใช้วิธีการปราศรัย ผ่านระบบวิดีโอลิงก์แทน ส่วนกำหนดการปราศรัยนั้น จะมีขึ้นในเวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะตรงกับเวลา 14.00 น.ในประเทศไทย
 ส่วนล่าสุด ที่ทางหนังสือพิมพ์ซันเดย์มอร์นิ่ง ของฮ่องกง รายงานว่า ทางการฮ่องกงและไทย ใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย เรื่องการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และมั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกำหนดการขึ้นปาฐกถา ในวันที่ 12 มีนาคม ด้วย

 “ปณิธาน”ชี้“ฮ่องกง”ยึดประโยชน์ชาติมากกว่าตัวบุคคล

นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกรัฐบาลและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ทราบการดำเนินการครั้งนี้ มีการประสานงานอย่างต่อเนื่องของหลายรัฐบาล ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการผลักดันการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรืออาชญากรข้ามชาติ ทำให้เกิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันขึ้น ในกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงเป็นกรณีเดียวกัน
 
 เมื่อถามว่านัยยะทางการเมืองที่สำคัญในประเด็นที่ฮ่องกงตัดสินใจส่งพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยคืออะไร นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องต่างตอบแทน ที่ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แน่นอนว่าเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องตัวบุคคล แต่ทั้งนี้ยังหมายถึงการร่วมมือกันในหลายเรื่องที่เห็นชัดมากขึ้น อย่างไรก็ตามข้อตกลงเรื่องนี้ยังมีหลายขั้นตอน แต่อย่างน้อยความเข้าใจร่วมกันมีมากขึ้นอย่างเป็นระบบ

 “แต่ยังมีข้อยกเว้นเหมือนกัน หากพ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องว่าเป็นเรื่องการเมือง หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ฮ่องกงอาจจะพิจารณาหรือไม่พิจารณาก็ได้ แต่ถือว่าเป็นความพยายามที่ดี ทั้งนี้ก็สามารถเข้าใจได้ว่าถ้าเราไม่มีรัฐบาลที่เป็นระบบ เขาคงไม่มั่นใจที่จะทำเรื่องนี้เหมือนกัน”นายปณิธานกล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์