ถึงแม้หลายเสียงในพรรคเพื่อไทยจะชูสองแขนหนุน ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง หรือ "สารวัตรเหลิม" ประธาน ส.ส.ของพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในอนาคต
คนที่เสนอก็ล้วนชื่อชั้น หน้าตา คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็น สุนัย จุลพงศธร และ ประชา ประสพดี ซึ่งก็รู้กันอยู่ในก่อนหน้านี้ว่าสนิทสนมกับ สารวัตรเหลิม มากน้อยแค่ไหน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยจะยินยอมพร้อมใจที่จะมอบหมายหน้าที่อันทรงเกียรตินี้แก่ สารวัตรเฉลิม
ถึงแม้ว่า "ศึกซักฟอก" ที่พรรคเพื่อไทยหมายมั่นปั้นมือจะถล่มรัฐบาลให้ราบคาบคามือ
ถึงแม้ว่า สารวัตรเหลิม จะวางแผนดีดลูกคิดรางแก้ว่า วันที่ 11-12 มีนาคม นี้ จะเป็น "วันดับ" ของรัฐบาล
ถึงแม้คุยข่มว่า การร่างญัตติซักฟอกนั้นจะเป็นการร่างระดับดอกเตอร์ ไม่มีจิกด่า เอาเนื้อหาล้วนๆ เพื่อสร้างกระแสตื่นตาตื่นใจในมิติใหม่ของฝ่ายค้าน ที่ก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะ "ค้านไม่เป็น"
แต่เนื้อหาที่แย้มออกมากลับไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือว่าจะเขย่าขวัญรัฐบาลนี้ไปได้แต่อย่างใด
ทั้งเรื่องที่กล่าวหาว่า ถนัดกู้ แต่ไม่ถนัดหาเงิน เรื่องขึ้นภาษีสรรพสามิต เรื่องแก้ปัญหายาเสพติด
เรื่องเหล่านี้ดูแล้วเสี่ยงเกินไปที่พรรคเพื่อไทยจะนำไปเป็นประเด็นถล่มรัฐบาล
เสี่ยง เพราะโอกาสที่จะกระเด็นกระดอนสวนกลับมาเข้าแสกหน้านั้นมีสูง
โดยเฉพาะเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ที่เป็นไปตามกำหนดเดิมตั้งแต่สมัย สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ที่กำหนดไว้ 6 เดือน
เมื่อมันครบกำหนดแล้วปล่อยให้ขึ้นภาษี หรือเรียกว่า เก็บภาษี มันจะแปลกตรงไหน
แต่เอาเถอะ !!
ถึง สารวัตรเหลิม จะพยายามขุดค้นหาประเด็น หาเรื่องราวมาอภิปราย
ขณะเดียวกันถึงจะมีคนโชว์จักกะแร้เชียร์สารวัตรเหลิมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่เอาเข้าจริง พรรคเพื่อไทย ที่เรียกได้ว่าเป็นการปกครองโดยตระกูลชินวัตร สายตรงทักษิณ แบบเบ็ดเสร็จนั้น จะเอาด้วยกับ สารวัตรเหลิม หรือไม่
ทั้ง เจ๊แดง เจ๊ปู พายัพ สมชาย (ไม่รู้ว่าจะรวม วิชัย ช่างเหล็ก ดวงตา วงศ์ภักดี ด้วยหรือเปล่า)
คนเหล่านี้เขาจะว่ายังไง
เพราะข่าวก็ยืนยันว่า เพิ่งไปรับแนวทางให้กลับมาบริหารพรรคเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ
แต่ก็เอาเถอะ นี่ไม่ใช่ความพยายามที่จะแสดงเจตนารมณ์เป็นครั้งแรกของ สารวัตรเหลิม
ก่อนหน้านี้ก็พยายามนำเสนอออกหน้าในการทำอะไรต่อมิอะไรหลายหนมาแล้ว
แม้กระทั่งจะขอเป็นผู้ทำความเข้าใจให้แก่สาธารณะในเรื่องหลักการและเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เคยพยายามทำมาแล้ว
ยังมีก็แต่การขอเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยเท่านั้นแหละที่สาธารณะยังไม่เคยรับรู้
ไม่เคยรู้ว่ามีความปรารถนาอยู่ภายในหัวใจของสารวัตรดาวเทียมผู้นี้หรือไม่
แต่หนนี้ ดูเหมือนว่า สารวัตรดาวเทียม จะลงเดิมพันสูง
ข้อเสนอพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มาพร้อมกับเสียงสนับสนุนจากคนเคยๆ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นสิ่งที่เข้าใจกันได้
ถึงไม่พูดกันตรงๆ ก็เป็นเรื่องราวที่เข้าใจกันไม่ยาก
พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งแต่ตั้งพรรคมาเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไปแล้ว ยงยุทธ วิชัยดิษฐ คนนี้เป็นคนที่ 2 แต่ก็ดูเหมือนมีกรรม หัวหน้าพรรคคนที่ 2 นี้เป็นได้ แต่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้
เพราะไม่ได้เป็น ส.ส.
เมื่อเป็นไม่ได้ ก็เลยมีผลในการยื่นซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ ที่จำเป็นต้องมีการเสนอชื่อผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งโดยธรรมเนียม ก็ต้องเป็น หัวหน้าพรรค
พรรคเพื่อไทยก็เลย "ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก" ภาพออกมาก็เลยกลายเป็นว่า น่าจะค้านไม่เป็น !
จะหันไปหาคนอื่นที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ยากเสียยิ่งกว่างมเข็ม
นี่จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ยากต่อการตัดสินใจให้แก่คนในตระกูลชินวัตร ที่เข้ามากุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
เพราะต่างก็รู้ดีว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่สนองตอบเจตนารมณ์ของ "สารวัตรดาวเทียม" นั้นด้วยเหตุด้วยผลเพราะอะไร
แต่เมื่อมาถึงวันหนึ่ง วันที่จำเป็นจะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ จะทำอย่างไรกับตัวเลือกที่เหลืออยู่
เพราะต่างก็รู้เช่นกันว่า เหตุใดถึงต้องการเข้ามาจัดการภายในพรรคด้วยคนของตระกูล !