การออกมาแถลงตอบโต้ของ "ยงยุทธ ติยะไพรัช" อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กรณี "อภิสิทธิ์ เวช ชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี สั่งรื้อฟื้นคดีสังหาร "กรเทพ วิริยะ" หรือชิปปิ้งหมู หลังมีข่าวตำรวจ ทหารจะเข้าตรวจค้นหาหลักฐานที่บ้านพัก "ยงยุทธ" ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อเชื่อมโยงคดีดังกล่าว
หากไล่ดูคำต่อคำ ถือว่าสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกประหวั่นพรั่นใจของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ภายใต้สภาพการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่ตัวเองไร้อำนาจ
เพราะ "ชิปปิ้งหมู" คือผู้ที่นำข้อมูลเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทในเครือชินวัตรออกมาเปิดเผยจนมีการอภิปรายในสภาเมื่อปี 2545
และถูกสังหารเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2546 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทักษิณมีอำนาจและบารมีเต็มที่
หลายคนอาจจะไม่แปลกใจกับภาพทหารรื้อค้นบ้านมือไม้คนสำคัญของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่าง "ยงยุทธ" ที่บ้านพักในกรุงเทพฯ หรือแม้แต่สิ่งที่เกิดกับ "เนวิน ชิดชอบ" ในช่วงเวลาภายหลังการรัฐประหาร
เพราะถือเป็นเรื่องปกติเวลามีการ "ยึดอำนาจ"
แต่การที่เจ้าตัวเอาภาพออกมาเผยแพร่ในช่วงนี้ ด้านหนึ่งถือเป็นการตอกย้ำ "งบลับ" ของทหารจำนวนเป็นพันล้าน ที่มีการพูดถึงมานานตั้งแต่ยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งจะกระทบชิ่งต่อมายังรัฐบาล
เพราะในการจัดตั้งรัฐบาล "มาร์ค 1" มีภาพปรากฏชัดว่า มีกลุ่มไหนหนุนหลังอยู่บ้าง...?
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซึ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ เป็นการตีกันไม่ให้การเมืองเข้ามายุ่งกับกระบวนการยุติธรรมจนเกินไป จนถึงขั้นกลายเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะสำหรับคดีอื่นนั้นเป็นคดีการเมือง เจ้าตัวก็ยังพอทนและสามารถเล่นงานกลับได้
แต่สำหรับคดีนี้ถือเป็นการเล่นแรง กะเอาถึงขั้นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด...!
สังเกตจากถ้อยแถลงที่ "ยงยุทธ" บอกว่า มีความพยายามปรักปรำในเรื่องต่างๆ นานาเกือบสิบคดี รวมถึงคดีนี้ด้วย เพราะเห็นว่า "ชิปปิ้งหมู" ถูกสังหารในอำเภอที่ตนเองพักอาศัย และถึงขั้นบอกว่า มีนายตำรวจใหญ่เดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้ปรักปรำเอาผิดให้ได้
อย่างไรก็ดี ย่างก้าวดังกล่าวของ "ยงยุทธ" ก็ใช่ว่าจะแก้เกมได้ทั้งหมด
เพราะการออกมาแบบนี้ย่อมถูกบลั๊ฟฟ์กลับว่า ร้อนตัวหรือไม่ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะฝ่ายกุมอำนาจรัฐ ดาหน้าออกมาถล่มด้วยประโยคดังกล่าว ประกอบกับสังคมไทยเป็นสังคมความเห็น ไม่ใช่สังคมความรู้
บวกกับสำนวนไทยที่ว่า "กินปูนร้อนท้อง" ดังนั้นเผลอๆ จะยิ่งแย่เอาเสียด้วยซ้ำ
เมื่อบรรยากาศการเมืองในยุคเปลี่ยนขั้วรัฐบาลที่มีหลายต่อหลายฝ่ายยื่นมือเข้าช่วย จนเห็นภาพความขัดแย้งทางชนชั้นในสังคมไทยชัดเจน
แม้เบื้องหน้าจะดูไม่ดุเดือด เสี่ยงต่อการปะทะกันเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ แต่เนื้อหาที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ รวมถึงเรื่องนี้ กลับมีความแหลมคมและบีบคั้นกว่าทุกยุคทุกสมัย เพราะงานนี้มีพล็อตเรื่องออกแนวบู๊ล้างผลาญ เอากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
เริ่มจากเมื่อครั้งตั้งรัฐบาลใหม่ๆ "ผู้จัดการรัฐบาล" ก็ผลิตซ้ำภาพ "ผู้ร้าย" ให้ต่อเนื่อง มีการเปิดเรื่องด้วยการวางตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองด้วยมาดสุภาพบุรุษ แสดงความต้องการเจรจา
แต่มาถึงจุดไคลแมกซ์ด้วยการปลุกเร้าอารมณ์กลางสภาว่า เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า "ผู้ร้าย" มีความคิดเรื่องระบบการเมืองอย่างไร ซึ่งเราจะพบโครงเรื่องทำนองนี้ได้จากหนังสงครามแบบฮอลลีวู้ด ที่สร้างภาพปีศาจร้ายพร้อมสมุนขึ้นมา
นำมาประกบกับคำว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเราได้ยินกันชินหูในช่วง 2-3 ปีหลัง ก็กลายเป็นการสวมเข้ากันพอดี
นอกจากจะเล่นงาน "หัว" ด้วยแทคติคที่ถือเป็นของถนัดแล้ว ยังต้องเล่นงาน "มือขวา" และ "มือซ้าย" ด้วย
ซึ่งเมื่อดึง "มือขวา" มาเป็นพวกได้ ด้วยการทั้งขู่ ทั้งปลอบ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ "หัว" ไม่อยู่ในเมืองไทย ก็เหลือแต่ "มือซ้าย" ที่ยังเป็นหนามยอกอก
ภาพการเมืองแบบขุดรากถอนโคนจึงปรากฏดังที่เห็น!
แต่ที่มากไปกว่านั้น สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องตั้งคำถาม ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจก็ตาม คือ ปรากฏการณ์ทั้งหลายที่ออกมาโดยเฉพาะในส่วนที่ข้องแวะกับกระบวนการยุติธรรม มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาอย่างเสมอภาคกับทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายหรือไม่ และเราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เรายังต้องอยู่ในสภาพการเมืองแบบนี้ไปอีกนาน
ยงยุทธเปิดหน้าไพ่สู้ หนามยอก...เอาหนามบ่ง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ยงยุทธเปิดหน้าไพ่สู้ หนามยอก...เอาหนามบ่ง
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday