วันนี้ (11 ก.พ.) นายธวัชชัย อึ้งอัมพรวิไล นายกเทศมนตรีตำบลบางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี กล่าวถึงกรณีทะเลาะวิวาทกับ นายเอกพจน์ ปานแย้ม อดีต ส.ส.จ.ปทุมธานี เขต 1 เรื่อง ถูกตัดงบ สนามกีฬา จ.ปทุมธานี จาก 63 ล้านบาท เหลือ 18 ล้านบาท ว่า
ตนมีพยานเป็น สมาชิกสภาจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และข้าราชการอีกเป็นจำนวนที่เห็นเหตุการณ์ ว่านายเอกพจน์ ได้ชกหน้าจริง ซึ่งได้เข้าแจ้งความพร้อมตรวจร่างกายมีใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน โดยนายเอกพจน์ได้เขวี้ยงแว่นตากก่อนจะกระโดดชก แล้วตนได้หลบแต่ปากได้ไปเกี่ยวกับนาฬิกาของนายเอกพจน์จนมีแผล ซึ่งตนก็ได้แค่เอามือหยั่งคอไว้ โดยก่อนหน้านั้นได้มีปากเสียงกันในเรื่องการถูกตัดงบประมาณสนามกีฬาและนายเอกพจน์หาเสียงคนเดียวก่อน นอกจากนี้ลูกน้องก็ยังได้ยิงปืนขู่อีกด้วย
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า
นายเอกพจน์พูดจาไม่ถูกต้องหากเป็นลูกผู้ชายคงไม่พูดอย่างนี้ ขณะที่นายเอกพจน์และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี แต่ทำไหมจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวการประชุมการประชุมงบประมาณของ จ.ปทุมธานี โดยที่ออกมาพูดเรื่องนี้เนื่องจากนายเอกพจน์ได้ออกมาปฎิเสธว่าไม่ได้ทำร้านตนซึ่งไม่เป็นความจริง
ด้านนายเอกพจน์ กล่าวว่า
ไม่ได้ชกหน้านายธวัชชัย แค่มีปากเสียงทะเลาะกัน หลังนายธวัชชัยกล่าวหาหลายเรื่องอย่างรุนแรง ทั้งการไปหาเสียงเพียงคนเดียวในการเลือกตั้ง 23 ม.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้นายธวัชชัยได้เข้ามาตบที่ใบหน้าตนเองก่อน เลยต้องป้องกันตัว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหวังว่าข้าราชการที่เห็นเหตุการณ์จะพูดตามความเป็นจริง สำหรับปัญหาเรื่องการตัดงบประมาณนั้นเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ ส.ส.ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณได้ และ ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยได้จัดสรรงบประมาณมาเพียงเท่านี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งตามที่นายธวัชชัยอ้างว่าเพราะย้ายไปสังกัดพรรคอื่น
นายเอกพจน์ กล่าวอีกว่า
ตนเป็นลูกชายจริงเพราะไม่เคยนำเรื่องไปเป็นข่าว ไปแจ้งความ ส่วนถูกกล่าวหาไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณแม้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง ในฐานประชาชนคนหนึ่ง ที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 ส่วนกรณีลูกน้องชักปืนยิงนั้น เป็นเรื่องจริง แต่ยิงขึ้นฟ้าเพื่อปรามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอาจจะบานปลายมากกว่านี้