เพื่อไทยปูดงบลับ 2 พันล. กองทัพ-รบ.สกัดเสื้อแดง

ทันทีที่ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คณะทำงานฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดประเด็นเอกสารลับในการประชุมฝ่ายยุทธการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ซึ่งประชุมเมื่อต้นปี 2552 ที่ชั้น 5 ตึกกองบัญชาการกองทัพบก โดยมีนายทหารระดับสูงและผู้บังคับกองพันทั่วประเทศกว่า 500 คน เข้าร่วมประชุม มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารเป็นประธาน

ซึ่งเป็นโครงการลับที่ทางกองทัพจับมือกับรัฐบาล โดยการใช้ "งบลับรัฐบาล"

มีวัตถุประสงค์ของโครงการ 4 ข้อ คือ 1.ปกป้องและเทิดทูนให้มีความมั่นคงในการเป็นศูนย์รวมจิตใจและความสามัคคี 2.ช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยการนำโครงการอันเนื่องจากการพระราชดำริเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน 3.สร้างความเข้าใจ ความสามัคคี ความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติโดยใช้แนวทางสันติวิธี และ 4.สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากภัยความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ

ซึ่งวัตถุประสงค์ตามเนื้อหาของเอกสารแค่ 4 ข้อคงไม่มีอะไรน่าสนใจ

แต่ประเด็นสำคัญคือรายงานในบันทึกแนบท้ายการประชุมว่า "กลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี"

ทำให้ "ณัฐวุฒิ" รีบสรุปในสาระของโครงการนี้อย่างตรงประเด็นว่า "หมายความว่ารัฐบาลชุดนี้จับมือกับผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพ โดยมีการกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับรัฐบาลเท่านั้น"

สิ่งที่พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตในเรื่องของตัวเงินงบประมาณที่มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท

ซึ่งในเอกสารแจงอย่างละเอียดว่า งบฯปฏิบัติการต่อหมู่บ้านทั้งสิ้น 74,427 หมู่บ้าน บ้านละ 15,000 บาท งบฯปฏิบัติต่อชุมชนจำนวน 1,856 ชุมชน ชุมชนละ 40,000 บาท งบฯปฏิบัติการด้านการข่าว กองทัพภาคละ 100,000 บาทต่อเดือน งบฯอำนวยการ (รวมการจัดตั้ง บก.และการติดตาม) หน่วยระดับมณฑลทหารบก/จังหวัดทหารบก/กองพลทหารราบ/ม้า หน่วยละ 30,000 บาท ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ และกองทัพไทย หน่วยละ 50,000 บาท และหน่วยระดับกองทัพภาค หน่วยละ 100,000 บาท งบฯบริหารจัดการ หน่วยระดับกองทัพภาค หน่วยละ 100,000 บาทต่อเดือนศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ และกองทัพไทย หน่วยละ 50,000 บาทต่อเดือน งบฯด้านกิจการพลเรือน กองทัพภาคละ 100,000 บาทต่อเดือน

แม้ทางกองทัพบกจะให้ "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกกองทัพบก ออกมาแก้ข่าวในทันที โดยยืนยันว่าไม่มีโครงการดังกล่าว

แต่...โครงการที่กองทัพบกกำลังทำคือ "โครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดยฝึกอบรมกำลังพลของกองทัพบกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

กองทัพนำเอาศักยภาพของกองทัพมาช่วยเสริมงานในภาคพลเรือน สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ให้มีความเข้าใจในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้สามารถต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตเรื่องปากท้องไปได้

และเน้นย้ำว่า "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประเด็นการเมือง กองทัพเป็นกลไกเป็นเครื่องมือสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการบริหารงาน ไม่ใช่สนองตอบในเรื่องการเมือง"

และวงเงินที่ใช้ในโครงการนี้ประมาณ 520 ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงกำลังพลในการลงไปทำหน้าที่ในหมู่บ้าน โดยมีกำลังพลเข้าไปหมู่บ้านละ 6-8 นาย ใช้งบประมาณหมู่บ้านละ 6,000-7,000 บาท จำนวน 74,427 หมู่บ้าน มีระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์-15 สิงหาคม 2552

เมื่อเปรียบเทียบการชี้แจงของทั้งสองฝ่าย สิ่งที่ชี้ชัดคือเป็นโครงการเดียวกัน

ผิดแต่เพียงตัวเลขที่ทางพรรคเพื่อไทยเอามาคำนวณนั้นวงเงินสูงถึง 2,000 ล้าน

แต่ทางกองทัพบอกว่าโครงการนี้ใช้เงินเพียงแค่ 520 ล้านบาท

และอีกประเด็นหนึ่งคือ เนื้อหาสาระหรือวัตถุประสงค์ว่ามีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นหรือไม่...

เพราะพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะโยงและตีความไปในทางการเมือง ที่มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้น บนพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับพรรคเพื่อไทยที่เดินเส้นขนาน

สิ่งหนึ่งที่ทางเพื่อไทยกล่าวหากองทัพอยู่ตลอดเวลา คือกองทัพเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์

ส่วนทางกองทัพย้ำในวัตถุประสงค์ตามลายลักษณ์อักษรคือ การสร้างชุมชนเข้มแข็งบนปรัชญาแนวเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว กำลังพลที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่ไปใส่แนวความคิดอย่างเดียว แต่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมคิดร่วมทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เมื่อเกิดความเข้มแข็งแล้วชุมชนก็จะเกิดความรัก ความสามัคคี เกิดการรักชาติและรักสถาบัน

ไม่มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นแอบแฝง...

แม้ "ณัฐวุฒิ" จะนำเนื้อหาในที่ประชุมเพื่อพยายามโยงเจตนาของกองทัพที่แท้จริง ที่ระบุว่า "พล.อ.ประยุทธ์พูดเปิดการประชุมและสนทนาประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะให้ พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ดำเนินการประชุมโดยใช้เอกสารชุดนี้ มีนายทหารระดับเจ้ากรมบางท่านทักท้วงว่าจะทำได้อย่างแผนนี้จริงหรือ มีกำลังพลเพียงพอ และจะทำกับประชาชนกลุ่มดังกล่าวแล้วได้ผลตามแผนที่ต้องการจริงหรือ เขาทักท้วงว่าขณะนี้เหมือนกองทัพเอาโรคที่แทรกซึมรุมเร้ารัฐบาลมาแบกเอาไว้เอง แล้วกองทัพจะทำสำเร็จหรือ"

จากนี้ไปโครงการนี้จะถูกจับตามองจากสาธารณชน ถูกตรวจสอบจากพรรคเพื่อไทย

ซึ่งกองทัพจะต้องทำงานให้พ้นจากข้อครหาและการเพ่งเล็งว่า กำลังทำงาน "จิตวิทยามวลชน" ที่ตนเองถนัด เพื่อหวังผลทางการเมือง ในภาวะที่กองทัพถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลางทางการเมือง

การดำเนินโครงการนับจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ข้อกล่าวหาของพรรคเพื่อไทยหรือเจตนาที่แท้จริงของกองทัพ สิ่งไหนคือของจริงหรือปลอมกันแน่ .....

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์