นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวเปิดใจครั้งแรกภายหลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในระหว่างออกรายการความจริงวันนี้สีแดง ทางสถานีโทรทัศน์ดี สเตชั่น โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์
@ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้คืองบฯกลางปี
ตอนเพิ่มงบกลางปีแสนล้าน ได้คิดอย่างรอบคอบ เห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนจริงๆ
@แสนล้านคนไทยจะเห็นอะไรจากรัฐบาลท่านบ้าง
1. จะทำถนนปลอดฝุ่นทั่วประเทศ จะทำ7,200 กิโลเมตรทั้งประเทศ โดยวางงบไว้ที่34,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่แน่นอน
@แตกต่างจากรัฐบาลชุดนี้ที่เหลือพันกว่าล้านในโครงการเดียวกัน
พันว่ามันจะได้ซัก2-3สายนะ เส้นจากไหนไปไหนบ้างไม่รู้ หรือตกอยู่บ้านใคร โครงการถนนปลอดฝุ่น 34,000 ล้าน ไม่ใช่อยู่ๆมานั่งเทียนแล้วบอกนะ แต่เราสำรวจมาก่อนตั้งแต่สมัยที่เราไปหาเสียงกับประชาชน สำรวจทุกหมู่บ้านทุกตำบล ว่าเส้นทางจากหมู่บ้านมาถนนใหญ่ต้องใช้เส้นทางกี่กิโล ซึ่งหากทำแล้วก็ประชาชนก็จะได้รับความสะดวกสบาย 2.แหล่งน้ำ นายกฯสมัคร สุนทรเวช ทำเป็นโครงการใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีแต่ต้องใช้เงินมาก ความจำเป็นเรื่องนี้มันเร่งด่วนจะใช้งบประมาณประมาณ 9,000 ล้านดูแลแหล่งน้ำระบบการชลประทานให้ทั่วถึง ที่พูดไม่ได้โจมตีใครทั้งสิ้น เห็นในข่าวของรัฐลบาลปัจจุบันท่านลดเหลือ 800 ล้าน
@ตรงนี้ทำให้มีเสียงบ่นมาจากท่านบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยเหมือนกัน ที่งบกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงท่องเที่ยวฯได้น้อย
งบ9,000 ล้านตอนนั้นไปนั่งหารือคือกระทรวงเกษตร และกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งไม่ใช่กระทรวงพรรคผมนะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผมไม่ได้คิดว่างบนี้จะเป็นของกระทรวงใด พรรคใด แต่มองว่าสิ่งนี้ต้องตกอยู่กับประชาชน ใครไปคนเอาเงินไปทำเหมือนกันหมดเพราะเราเป็นรัฐบาลเดียวกัน ผมไม่ได้พูดเอาหน้าเอาตาอะไร มีปัญหาอะไรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ผมให้เกียรติพรรคร่วมรรัฐบาลอย่างเต็มที่ ไม่เคยคำนึงว่าพรรคนั้นมีส.ส.กี่คน ไม่ว่ามีส.ส. 5 คน 10 คนหรือ 15 คนเรามีความสำคัญเท่ากัน เพราะเมื่อมาร่วมกันแล้วประชาชนเป็นใหญ่ประชาชนเป็นหลัก
รวมไปถึงแลนด์บริดจ์ ของภาคใต้ กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งหมดมีคนเข้ามาทำงานเพิ่ม มีการสร้างงานเป็นล้านๆตำแหน่ง เกิดงาน เกิดรายได้ เงินหมุนเวียนมากมายมหาศาล งบที่เราออกไป34,000 ล้านมันจะหมุนกลับมาเป็น3-4 เท่า ผมคิดว่าจะเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมากมาย
ท่านนายกฯทักษิณนะเคยดำเนินการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย 6 เดือน 6 มาตราการที่รัฐบาลปัจจุบันทำอยู่ ก็ดีกว่าแจกเงินเยอะ ก็ทำต่อไปผมขอชื่อชม
ผมไม่ได้รังเกียจสำหรับท่านที่จะได้รับเงิน 2,000 บาท ซึ่งจะได้เมื่อไหรก็ไม่ทราบ แต่ตอนนี้ภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น เราเอาเงินไปแจก ไม่เป็นการยั่งยืน อาจจะแก้ได้ สู้เรามาสร้างงานหาเทคนิคที่ยั่งยืนจะดีกว่า อย่างสุภาษิตง่ายๆถ้าอยากจะให้เขากินปลา เอาปลาไปแจกก็กินได้ แต่ก็หมดไป แต่ถ้าสอนให้เขาจับปลาเขาจะมีปลากินไปชั่วชีวิต
ในงบแสนล้านนั้น ผมจะขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการด้วย ขึ้นเงินเดือนร้อยละ 3 ขึ้นโบนัสร้อยละ3 เป็นร้อยละ 6 ซึ่งที่พูดผมไม่ตัดโอกาสข้าราชการที่รับเงิน 2,000 บาทแต่คนที่ได้รับโอกาสนี้มีน้อย ข้าราชการไม่ต้องห่วงถ้าผมอยู่ท่านจะได้กิน 6 เปอรเซ็นต์และกินไปเรื่อยๆมากกว่า 2,000
มีคนอีกประมาณ 25 ล้านคนในภาคนอกประกันสังคม รวมทั้งคนที่ตกงานเพิ่มอีกปีนี้1.2 ล้านคนพวกนี้เขาไม่ได้อะไรเลยนะ รวมถึงภาคเกษตรกรรม คนเหล่านี้ต้องมีมาตราการอื่นรองรับนะ
มาตราการด้านเศรษฐกิจเราต้องส่งเสริมการท่องเที่ยว และการส่งออก เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว สมัยนายวีระศักดิ์ (โควสุรัตน์) เป็นรัฐมนตรี เก่ง แต่อยู่ๆดีก็ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
สมชายเปิดใจช้ำ ผมบอกลูก พ่อไม่ใช่โจร
@มีคนถามนายกรัฐมนตรีในสภา ว่าปิดทำเนียบ ปิดสนามบินผิดไหม นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่ทราบ
ถ้าเป็นผม ผมบอกว่าผิด ทำเนียบเป็นสถานที่ราชการ กฎหมายอาญาบอกว่าถ้าบุกรุกสถานที่ราชการเพิ่มโทษเป็น 2 เท่า ปิดสนามบินก็ถือเป็นการก่อการร้าย
สนามบินถูกปิดไปเสียหายสนามบินไม่ได้ใช้คนๆไม่ได้ขึ้นไม่ได้ลง และส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่คนไม่เชื่อมั่นในประเทศ กินเวลาหลายปี การท่องเที่ยวที่ถูกยกเลิกไปจนถึงปัจจุบันนี้ พื้นที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หาดแม่รำพึง ภูเก็ต ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว เป็นเรื่องที่ร้ายแรง เศรษฐกิจเราพัง พอเราเป็นอย่างนี้ปุ๊บเอาเลยอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ตีปี๊บกันใหญ่ว่ามาเลยสนามบินไม่ปิด ขอฝากรัฐบาลว่าท่านต้องฟื้นตรงนี้ให้เร็ว การส่งออกจะได้กลับมา การท่องเที่ยวจะได้ดีขึ้น รากหญ้าจะได้มีงานทำ
@ถ้ายังเป็นรัฐบาลมีแผนจะกู้เงินจากต่างประเทศหรือไม่
การกู้เงินเป็นเรื่องปกติของหลายๆประเทศ รวมถึงรัฐบาลของผมในขณะนั้นด้วย ตอนนั้นเรามองกันว่าถ้าเรากู้เต็มเพดานเราสามารถกู้ได้1.5 แสนล้าน โดยจะนำมาสร้างงานภายในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติเขาจะไม่ได้เสียความรู้สึกกับเรา และจะทำให้ไม่เสียวินัยการเงินการคลัง จะทำอย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญปี2550 มาตรา 190 ป็นอุปสรรคอย่างมากมาย เชื่อหรือไม่ ผมมีเรื่องเจรจาเซ็นต์สัญญากับต่างประเทศประมาณ 100 กว่าเรื่องส่งไปอยู่ในสภา ถ้ามีเรื่องกู้เงินก็ต้องไปเรียงลำดับ เพราะเข้ามาตรา190 ก่อหนี้ผูกผัน กระทบต่อเศรษฐกิจ จึงเป็นกฎหมายเจ้าปัญหา ตอนนั้นผมจะแก้แต่หาว่าแก้เพื่อตัวเอง จนแก้ไม่ได้ ถ้าผมแก้รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำงานได้สบายเลย
สำหรับการเพิ่มภาษีน้ำมันแล้วรัฐบาลจะได้เงินมาเพิ่มงบประมาณ อาจจะเอามาจ่ายเงินเดือนราชการ หรือเอามาใช้ในโครงการ2,000 บาทก็ว่ากันไป แต่ของก็จะขึ้นราคาค่อยขยับตัวขึ้น เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนของทุกสิ่งในเมืองไทย ชาวบ้านชั้นรากหญ้าจะลำบาก เห็นว่าอันนี้ไม่ค่อยเป็นธรรมสักเท่าไหร่ ก็ฝากเอาไว้เพราะสมัยที่ผมเป็นนายกฯท่านก็ฝากผมใว้เยอะ โดยเฉพาะเรื่องยุบสภา
@ถูกเรียกร้องให้ยุบสภาให้ลาออกแต่สุดท้ายยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไปมีอะไรจะเล่าให้ฟัง
เรื่องนี้เป็นซีรีย์เรื่องยาว แม้ผมเพิ่งเข้ามาในการเมืองใหม่ๆ แต่เข้าใจเรื่องระบบประชาธิปไตยตั้งแต่ชั้นประถม ผมเคยพูดว่าไม่ได้มุ่งปราถนาว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ แต่เมื่อเป็นแล้วต้องอยู่ในครรลองอยู่ในหลักประชาธิปไตย ฉะนั้นผมคิดว่ารัฐบาลเมื่อทำงานแล้วต้องรับผิดชอบกับประชาชน และดำรงหลักของความเป็นประชาธิปไตยให้มั่น เด็กที่เกิดมารุ่นหลังจะได้รู้ว่าหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร ต่อไปเด็กเหล่านั้นขึ้นมาเป็นส.ส. ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี หรือนายกฯ จะได้ อ๋อ! รัฐบาลที่ยึดหลักประชาธิปไตยทำอย่างนี้ เขาจะไม่ได้ทำความวุ่นวาย เอาใครมาบังคับ หรือเอาอะไรมาจี้ แต่ต้องฟังเสียงประชาชน
@คนที่ออกมาเรียกร้องให้ลาออกเป็นคนแรกๆคือผู้บัญชาการหทารบก ท่านมีความรู้สึกอย่างไร
ต้องให้ความเป็นธรรมกับผบ.ทบ.ด้วย ไม่ได้มีท่านเรียกร้องคนเดียว มีหลายคนในพรรครัฐบาลปัจจุบันให้ลาออก ผู้ที่ชุมนุมที่ทำเนียบก็บอกให้ออกไป รัฐบาลชั่ว รัฐบาลโจร ซึ่งผมก็บอกกับลูกผมว่าพ่อไม่ใช่โจรนะลูก ไม่ต้องเสียใจนะ พ่อทำงานปกตินะ ส่วนที่ทางกองทัพมาพูดผมก็มองว่าเป็นส่วนหนึ่งในฐานะที่ท่านเป็นประชาชนก็แล้วกัน แต่ผมจะลาออกทำไมในเมื่อผมยึดหลักประชาธิปไตยเป็นที่ตั้ง ผมคิดว่าผมผิดกฎเกณฑ์กติกาอะไรหรือไม่ ก็ไม่ใช้ การที่ลาออกทำไมต้องลาออก ผมขึ้นเป็นรัฐบาลมีส.ส.เสียงส่วนใหญ่ในสภา แปลว่าพี่น้องประชาชนไว้วางใจพรรคพลังประชาชนให้เป็นกำลังสำคัญในการที่เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ นี่คือสิ่งที่ผมรับผิดชอบต่อประชาชน 60 กว่าล้านคน
ตอนนั้นไปต่างจังหวัดประชาชนก็บอกท่านนายกฯสู้ๆนะ อย่าลาออกนะพวกเรามีความหวังกับท่านนะ ผมจึงคิดว่าการลาออกของผมไม่ชอบ ไม่ควรทำจะทำให้เสียหลักการประชาธิปไตย บางคนบอกว่าระวังนะไม่ลาออกระวังทหารจะปฎิวัติ ผมบอกว่าผมห้ามปฏิวัติไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าใครจะปฎิวัติ ผมเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ทหารก็บอกว่าไม่ปฎิวัติ แม้ตัวจะตายแต่ต้องธำรงค์ไว้ถึงหลักประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของชาตินั่นคือความคิดของผมขณะนั้น
@มีคนสงสัยกันเยอะว่าหลังจากวันที่ผู้นำเหล่าทัพไปออกโทรทัศน์ให้ท่านลาออกหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์กับกองทัพเป็นอย่างไรบ้าง
ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกท่าน ไม่มีความรู้สึกเป็นเรื่องส่วนตัวว่าท่านสนับสนุนผมหรือไม่ ผบ.เหล่าทัพทุกคนผมมีความรู้สึกที่ดีเสมอมาจนกระทั่งบัดนี้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ท่านจะคิดอย่างไรผมไม่ทราบ ตอนที่ท่านไปออกทีวี ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่ตั้งใจไปเรียกร้องให้ผมลาออกหรอก ท่านคงอาจจะแสดงความเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แต่ท่านอาจลืมไปว่าตอนนั้นอยู่ในราชการ
@ปฎิเสธไม่ได้ว่าช่วงท้ายของรัฐบาลมีเสียงเรียกร้องให้ดำเนินการกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะการปลดผบ.ทบ.วินาทีนั้นคิดอย่างไร
ผมคิดว่าบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ ผบ.ทบ.กับผม ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นเรื่องที่ดี ยอมรับว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษ ในยามนั้นผมก็หารือกับทุกฝ่ายรวมทั้งกองทัพตลอดเวลา ตอนนั้นเป็นเรื่องที่น่าร่วมหัวร่วมความคิดกันมากกว่าที่จะเพิ่มปัญหามากขึ้น ผมพยายามที่จะหาแนวทาง จริงๆผมไม่เคยมีแนวคิดปลดผบ.ทบ. แต่เข้าใจว่าท่านเองคงมีปัญหากดดันจากหลายๆฝ่าย ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นนายกฯที่กลัวทหาร หรือต้องเอาใจทหาร แต่ผมอยากเป็นมิตรที่ดีเป็นเพื่อนเป็นพี่กับทหาร