ขณะเดียวกัน จะสั่งการให้กระทรวงแรงงานตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์แรงงานเป็นการเฉพาะ เช่น ต้องมีข้อมูลว่านายจ้างมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาหรือไม่ หากออเดอร์หายไปก็ต้องบอกให้แรงงานทราบไม่ใช่ปกปิด แต่หากมีออเดอร์แล้วไม่ได้รับการปล่อยสินเชื่อก็ต้องไปดูว่าเหตุใดสถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ เพราะหากมีออเดอร์จริงกระทรวงแรงงานต้องหามาตรการไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง
“ผมขอย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้มาตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่รัฐบาลสัมปทานที่แต่ละพรรคต่างคนต่างทำงาน ผมจึงจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคอยประสานให้นโยบายเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวผมก็ไม่รอด ซึ่งการทำงานก็ต้องยืนยันว่าจะไม่เข้าไปล้วงลูกก้าวก่ายการทำงานของกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 21 ม.ค.52 รัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี และประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมให้ครอบคลุมนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน แม้จะเป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็พร้อมรับฟังและได้ให้ทีมงานไปประสานและหารือในเรื่องต่างๆ ที่อาจเห็นไม่ตรงกันในทางลับแล้ว
“การลดดอกเบี้ยลงของ กนง.ครั้งล่าสุดค่อนข้างแรง แสดงให้เห็นว่า กนง.พยายามปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แม้จะมีคนบ่นเรื่องส่วนต่างของดอกเบี้ย แต่ธนาคารพาณิชย์ก็ยืนยันกับผมว่า ส่วนต่างที่เกิดขึ้นไม่ได้สูงผิดปกติเพราะมีต้นทุนแฝงค่อนข้างมาก ซึ่งผมจะเข้าไปรื้อตัวเลขดูว่าข้อ เท็จจริงเป็นอย่างไร”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลต้องลดเพดานการขาดดุลงบประมาณลงมา ส่วนจะลดเท่าไรยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกิดการเสียหายต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาแรงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องให้แรงและเร็วที่สุด เพื่อให้หายฟื้นไข้ให้เร็วที่สุด และนโยบายการเงินการคลังของรัฐบาลจะไม่จำกัดวงแคบอยู่เฉพาะเรื่องของค่าเงินบาท หรืออัตราแลกเปลี่ยน เพราะต้องดูเรื่องสภาพคล่องให้ภาคเอกชนด้วย ปัญหาของไทยขณะนี้คือไม่ได้ขาดสภาพคล่องทางการเงินแต่มีเงินในระบบ เพียงแต่เงินไม่ไหลออกมาให้ภาคเอกชน เรื่องนี้รัฐบาลก็จะหากลไกว่าต้องทำอย่างไรให้เงินไหลเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจโดยด่วนที่สุด
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม. วันที่ 23 ธ.ค.นี้
จะอนุมัตินโยบายการทำงานในทุกๆด้านให้แล้วเสร็จแม้จะเป็นการประชุม ครม.นัดแรก เพราะตนได้สั่งให้คณะทำงานของพรรคประชาธิปัตย์เร่งร่างนโยบายการทำงานให้แล้วเสร็จใน 7 วัน จากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้ โดยหากสมาชิกรัฐสภาอภิปรายไม่แล้วเสร็จ ก็จะขยายเวลาการอภิปรายนโยบายรัฐบาลไปถึงวันที่ 31 ธ.ค. เพื่อให้ ครม.บริหารประเทศได้หลังวันปีใหม่
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
จะหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการจัดหาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้กับภาคธุรกิจ และอาจต้องพิจารณาว่าหากมีการเลื่อนการบังคับใช้ บาเซิล 2 ออกไปจะเป็นประโยชน์ต่อสภาพคล่องในระบบและความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะหลักเกณฑ์นี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้น้อยลงประมาณ 10% เนื่องจากต้องตั้งสำรองเงินกองทุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ใหม่ ซึ่งตามกำหนดเดิมจะเริ่มบังคับใช้เต็มรูปแบบปลายปี 52.