แม้จะคาดเดาผลการวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน (พปช.) พรรคชาติไทย (ชท.) และพรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) แต่เมื่อวันนั้นมาถึงก็ทำให้ปั่นป่วนอยู่ไม่ใช่น้อย
โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงฝ่ายสนับสนุนพรรคพลังประชาชนได้ยกขบวนไปปิดล้อมทางเข้า-ออกศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถนนจักรเพชร
ทำให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งย้ายด่วนไปออกนั่งบัลลังก์เพื่อฟังคำชี้แจงปิดคดีของ 3 พรรคที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ แทน คล้อยหลังการปิดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่กี่นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็ออกบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทั้งสาม ส่งผลให้ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรี และ ครม.ทั้งคณะต้องพ้นจากหน้าที่ไปทันที โดยเหลืออดีตรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น "กรรมการบริหาร" ของ พปช. ชท. และ มฌ. ทำหน้าที่ "รักษาการ" ได้ไม่กี่คน
คำสั่งยุบพรรคถือเป็น "แผ่นดินไหว" ครั้งสำคัญต่อการเมืองไทย ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปจะมี "อาฟเตอร์ช็อค" ตามมาอีกหลายระลอก โดยเฉพาะการฟอร์มรัฐบาลใหม่
ปมการเมืองที่ต้องไถ่ถามกันมากที่สุดคือ พรรคร่วมรัฐบาลยังจะร่วมหัวจมท้ายกับ "เพื่อไทย" พรรคนอมินีรุ่น 3 ของพรรคไทยรักไทยอีกต่อไปหรือ...?
ชท.และ มฌ.เป็น 2 พรรคร่วมชะตากรรมกับ พปช.ที่ถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ต้องพ้นสมาชิกภาพไปหลายสิบคน แต่รวมกันแล้วก็ยังมีเสียงที่เหนือกว่าฝ่ายค้านพรรคเดียวอย่างประชาธิปัตย์ วิเคราะห์กันว่าโอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทั้ง พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคประชาราช พรรคชาติไทยในชื่อใหม่ "ชาติไทยพัฒนา" หรือแม้กระทั่งมัชฌิมาธิปไตยในชื่อ "ภูมิใจไทย" น่าจะ "ล็อคคอ" กันแน่น
แต่การสลายไปของ "สมชาย 1" ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งๆ ที่รัฐบาลเพิ่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้ "ความกระตือรือร้น" ในการที่จับขั้วเดิมตั้งรัฐบาลคลอนแคลนลง ...และยิ่งคลอนแคลนมากขึ้นๆ เมื่อแก่นแกนของพลังประชาชนแตกคอกันเพราะแย่งชิงกันเป็นใหญ่?
"วิทยา บุรณศิริ" ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)
บอกว่า ส.ส.จะเข้าชื่อกันเพื่อขอให้ "ชัย ชิดชอบ" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นเปิดประชุมสภาเพื่อจะได้เร่งรัดกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาแทน "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เพราะบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะสุญญากาศไร้ผู้นำเป็นเวลานานๆ ไม่ได้ พร้อมกับพูดเป็นนัยว่า "...พรรคร่วมได้พูดคุยไปในทางเดียวกัน ถือว่าเป็นสัญญากันอยู่"
แต่ "นิกร จำนง" รองหัวหน้าพรรคชาติไทย คนคู่ใจ "บรรหาร ศิลปอาชา" กลับแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ได้พูดจา "ภาษาเดียวกัน" กับ "วิทยา บุรณศิริ" แต่อย่างใด!!
เหตุและปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนขั้วการเมืองได้นั้น พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะต้องพร้อมใจกันไปแท็คทีมกันกับประชาธิปัตย์ ซึ่งวิเคราะห์กันว่าหากเจรจาต้าอวยกันดีๆ นอกจากจะรักษา "โควต้าเดิม" เอาไว้ได้แล้ว โอกาสที่จะ "เพิ่มเก้าอี้" ยังมีสูง นั่นเพราะเป็นการหยิบยื่นโอกาสทองให้ฝ่ายค้านได้พลิกวิกฤตมาเป็นรัฐบาล นับว่า "เดิมพันสูง" ถึงสูงมากที่พรรคฝ่ายค้านยากที่จะเมิน แต่นั่นหมายความว่า พรรคร่วมรัฐบาลอาจประเมินพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นแม่บ้าน "ต่ำเกินจริง"
หากแลกกับ "ความปลอดภัย" ที่ไม่ต้องถูกรุกไล่จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ "ไม่เอาระบอบทักษิณ" การพลิกขั้วมาอยู่กับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกลุ่มมวลชนคนเสื้อเหลืองเป็น "มหามิตร" แล้ว สามารถวิเคราะห์จุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว โอกาสที่จะอยู่ในฐานะรัฐบาล อาจจะยาวนานกว่า!!
ซึ่งทราบกันดีว่าจุดแข็งของประชาธิปัตย์ ก็คือจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย เพราะไม่รู้ว่าขึ้นมาแล้วจะถูกรุกไล่ที่ทำงานเหมือนที่ผ่านๆ มาสักแค่ไหน
แต่หากย้อนถึงการร่วมทุกข์สุข ตามประสาคนที่ "ลงเรือลำเดียวกัน" ระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีของการทำงานร่วมกัน คงพูดได้ว่า "ดัชนีความสุข" ของพรรคร่วมพรุ่งปรี๊ดเต็มปรอท โดยวัดง่ายๆ จากทุกครั้งที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี พปช. "ให้เกียรติ" พรรคร่วมอย่างเต็มที่
พลันที่มีคำสั่งยุบพรรคออกมา จึงเป็นจังหวะที่พรรคเล็กพรรคน้อยที่อยู่ตรงกลางจะได้มีโอกาส "เล่นเกมของตัวเอง" อีกครั้ง!!
จับตา ดัชนีความสุข ชี้ทิศทาง พรรคร่วม... พลิกขั้ว?
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง จับตา ดัชนีความสุข ชี้ทิศทาง พรรคร่วม... พลิกขั้ว?
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว