พระบารมีกับปชช.นำกลับไทย
“พี่น้องครับไม่มีใครเอาผมกลับไทยได้ นอกจากพระบารมีที่เมตตาหรือไม่ก็พลังของประชาชนเท่านั้น” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และในช่วงนี้นายวีระ พูดแทรกขึ้นมาว่า แสดงว่าเราจะได้เห็นกระบวนการราชประชาสมาศัยเกิดขึ้นในสังคมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดขึ้นมาว่า ราช ประชาสมาศัย ฟังแล้วขนลุกเลยครับ เหมือนที่บอกว่า เย็นศิระเพราะพระบริบาล เอาล่ะครับ มาดูหน้าตาผมดีกว่า ว่าโทรมลงไปขนาดไหน แก่แค่ไหน โดนขนาดนี้ไม่โทรมก็แย่แล้ว เมื่อก่อนเวลาผมลงพื้นที่ไปหาชาวบ้านบอกหล่อ เวลานี้บอกแก่ โทรม มาดูหน้าตากันดีกว่า
วอนปชช.ต้านรัฐประหาร
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดผ่านวีทีอาร์ที่บันทึกไว้ว่า สิ่งที่นำทุกท่านมาในวันนี้ คือ ความวิตกกังวล เกลียดความไม่ยุติธรรม ตนขอชื่นชม และเป็นกำลังใจให้ ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอ วันนี้อยากเรียนว่าเผด็จการหลังปฏิวัติ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเป็นเรื่องเล็ก แต่ประเทศวันนี้เสียหายมาก ที่สำคัญได้นำความไม่ยุติธรรมเข้าสู่สังคมไทย วันนี้อยู่ที่พี่น้องประชาชนเราจะช่วยกันต่อต้านรัฐประหารเพื่อจะได้ระบบที่ถ่วงดุล ไม่มี 2 มาตรฐานเหมือนทุกวันนี้ เศรษฐกิจจะดีได้ก็ต่อเมื่อระบบการเมืองการปกครองเป็นธรรม แต่วันนี้วิกฤติการเมืองโลก ความเสียหายนับค่าไม่ได้ จนวันนี้ประมาณไม่ถูกว่าเสียหายมากน้อยแค่ไหน
หนุนคนรักชาติประชาธิปไตย
“เวลานี้คนตกงานเพิ่ม ถามว่าเราเตรียมตัวอะไรบ้าง เพราะเหตุการณ์ทางการเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ต่างชาติยังแปลกใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรในประเทศไทย วันนี้หากเราไม่สามารถรักษาประชาธิปไตย ขจัดระบบเผด็จการโอกาสที่ไทยจะสันติ มีวัฒนธรรมดีงามคงลำบาก ขอร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันให้อภัยซึ่งกันและกัน วัฒนธรรมที่ดีต่างหากทำให้คนอยากมาค้าขายกับไทย มิฉะนั้นไทยก็ลำบาก ความเห็นที่แตกต่างในระบอบประชาธิปไตย เขาใช้มาสร้างชาติมิใช่สร้างแตกแยกแบ่งฝ่าย ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มาชุมนุมโดยสันติ พวกท่านมาด้วยหัวใจรักชาติ ประชาธิปไตย ไม่ได้พกอาวุธมา การแสดงออกเพื่อส่งสัญญาณนี้คือ คนไทยส่วนใหญ่ที่อยากเห็นประชาธิปไตยก้าวหน้าขึ้น อยากเห็นความสามัคคี” อดีตนายกฯ กล่าว
ขอทำงานต่างแดน-ขอบคุณทุกคน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในวีซีดีต่อว่า ขอขอบคุณให้โอกาสได้พูด ตนขอใช้ชีวิตในต่างแดนอีกสักระยะ ก็คงทำหน้าที่ไปช่วยเหลือประเทศอื่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พลิกฟื้นประเทศเขาจากประเทศยากจน ขณะเดียวกันจะทำธุรกิจหาเลี้ยงครอบครัวเพราะเงินถูกอายัดอยู่ นี่คือโชค ชะตาที่ตนได้รับ แต่เป็นกรรมที่ไม่ได้สร้างเอง ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ ตนรู้อยู่เมืองไทยเหนื่อยมีแต่ข่าวร้าย ขัดแย้ง ด้วยกำลังใจทุกคนสิ่งเหล่านี้คงผ่านไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท. ทักษิณ พูดประชาชนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ บางคนพนมมือไหว้ บางคนร้องไห้ เมื่อมีการพูดถึงรัฐประหารก็จะตะโกนด่าผู้นำรัฐประหาร หลังพูดเสร็จประชาชนทยอยเดินทางกลับทันที ทำให้บรรยากาศที่คนแน่นขนัดบางตาไปทันที
นายกฯให้ไปคิดกันเอาเอง
ก่อนหน้านี้ เวลา 21.20 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมชาย พร้อมคณะได้เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ หลังเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงราย โดยกล่าวถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ว่า เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีเหตุการณ์อะไรทุกอย่างเรียบร้อยในกรอบกติกา ตนยังไม่มีโอกาสได้ฟังคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ตนคิดว่าต่างคนต่างฟังแล้วก็ไปคิดกันเองแล้วกัน อะไรเป็นอะไร อย่างที่ตนบอกแล้วใครพูดหรือทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ
นายกฯปัดไม่รู้แม้วโฟนอิน
ที่ จ.เชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์ที่กรุงเทพฯในวันนี้รู้สึกเป็นห่วง ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีได้มีการเชิญหลายฝ่ายมาประชุมเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยแล้ว กลุ่มคนที่มาชุมนุมนั้นเราห้ามใครไม่ได้ แต่ขอให้ใช้สิทธิตามกฎหมาย อย่าละเมิดสิทธิของคนอื่น และให้เจ้าหน้าที่ดูแลป้องกันเหตุไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาท แต่ที่น่าห่วงคือเรื่องมือที่สามมากกว่า อยากให้ทุกฝ่ายดูแลให้ดี และขอร้องใครก็ตามอย่าสร้างสถาน การณ์เพราะบ้านเมืองในขณะนี้บอบช้ำเยอะมากแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ดูแลการชุมนุมทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่มีวิจารณญาณในการทำงานอยู่แล้วว่าควรทำอย่างไร
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมานั้นตนไม่ทราบ ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ส่วนการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง การเจรจาเป็นทางออกของบ้านเมืองที่ดีที่สุดในขณะนี้ หลายคนออกมาคุยกับตนตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ต้องหาผู้ใหญ่ซักคนที่คนยอมรับ แต่อย่างอาจารย์สุเมธ ออกมาคุยก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ตนเลยคิดว่าน่าจะมีหลายคนออกมาช่วยกันพูดแต่นี่เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นถูกผิดไม่รู้ ต้องคุยกันก่อน ตนทำดีที่สุดแล้ว
นปช.เชียงใหม่ล้อมคนปชป.
ที่โรงแรมออคิด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัด การสัมมนาเรื่อง เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถ ของกรรมการสาขาพรรค และเจ้าหน้าที่ โดยมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคเป็นประธาน โดยระหว่างที่กำลังประชุมสัมมนามีกลุ่ม นปช.เชียงใหม่ และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนหนึ่งสวมเสื้อสีแดงพร้อมด้วยป้ายโจมตี ตีนตบ มาปิดถนนทางเข้าโรงแรม แล้วใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีกำลังตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อยป้องกันไม่ให้กลุ่ม นปช.เข้าไปในโรงแรม
ที่ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เดินทางเป็นประธานการประชุมติดตามผลการ ดำเนินงานโครงการ SML OTOP และ กทบ. พร้อมมอบรางวัลธนาคารโรงเรียน และมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ด้านการคลัง โดยระหว่างที่มีการ ประชุมนั้นกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิได้พากันมายืนถือป้ายประท้วงตะโกนต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยจนการ ประชุมเสร็จสิ้นก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
การ์ดพธม.เพิ่มกำลังรปภ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีทหารจำนวนหนึ่งได้เข้ามาช่วยรื้อเต็นท์ที่พักของกลุ่มพันธมิตรฯตั้งแต่แยก มิสกวันจนถึงหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อใช้พื้นที่สำหรับซ้อมการสวนสนามในช่วงเย็น ด้านกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯตรวจเข้มผู้เข้าออกอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มการ์ดจำนวนมากเดินตระเวนสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดเช่นกัน เพื่อป้องกันความปลอดภัย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มทยอยกันเดินทางเข้าในทำเนียบฯอย่างต่อเนื่อง
นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ เผยว่า เนื่องจากวันนี้มีการนัดชุมนุมครั้งใหญ่ของนปช.เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งเพิ่มกำลังการ์ดอีกเกือบสามร้อยคนหรือมาก กว่าเดิมหนึ่งเท่า ดูแลพื้นที่ชุมนุมอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพื้นที่สุ่มเสี่ยงอย่างบริเวณสะพานมัฆวานฯ สะพานชมัยมรุเชฐ หรือแยกมิสกวัน ได้มีการเพิ่มแผงเหล็กและประกาศขอบริจาครถบรรทุกเก่า ๆ มาจอดขวางกันเป็นแนวบังเกอร์อีกชั้นหนึ่ง
จี้นายกฯเคลียร์คลิปฉาว
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าว โดย พล.ต. จำลอง กล่าวว่า ได้ให้การ์ดพันธมิตรฯและทหารมาช่วยรื้อเต็นท์บริเวณถนนพิษณุโลก เพื่อเปิดพื้นที่ ให้สำหรับพิธีสวนสนาม
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงคลิปวิดีโอที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศซึ่งมีหน้าตาคล้ายนายสมชายนั้นว่า ความจริงเป็นอย่างไรนายสมชายจะต้อง ออกมาแสดงความเห็นเพราะการเป็นผู้นำของประเทศจะต้องมีจริยธรรมสูงกว่านักการเมืองและข้าราชการประจำ ในกรณีนี้ในต่างประเทศถ้าเป็นถึงผู้นำลาออกไปแล้ว แต่นายสมชายไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลยทำให้มาตรฐานจริยธรรมของนักการเมืองไทยตกต่ำ เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่จะต้องนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบหาข้อสรุปนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณชน
หยันแม้วไร้ราคา-จวกเสธ.แดง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการชุมนุมของนปช. ด้านกลุ่มพันธมิตรฯมีการเตรียมตัวป้องกันความ ปลอดภัยอย่างไร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า มีการเตรียมตัวล่วงหน้าอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ ทำแนวป้องกัน ขอกำลังทหาร ทั้งนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับการชุมนุมของนปช. ที่มีการนำประชาชนมาฟังการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ซึ่งมองว่าไม่มีอะไรน่าเกรงกลัวหรือจะต้องป้องกันเป็นพิเศษ เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีราคาเป็นเพียงนักการเมืองที่หนีคดีอาญา ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า คนไทยส่วนใหญ่รู้ทันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มาพูดเพื่ออ้อน คนไทยเท่านั้นและเชื่อว่าไม่มีความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงวุฒิกองทัพบก ออกมาระบุว่าให้ พันธมิตรฯนำเด็กและผู้หญิงออกจากพื้นที่ชุมนุมเพื่อเตรียมรับเหตุการณ์รุนแรง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การขู่แบบนี้ทั้งที่เป็นนายทหารรับราช การอยู่ น่าจะเข้าข่ายผิดวินัย เพราะฉะนั้นผู้บังคับบัญชาต้องเรียกตัวไปสอบถามด้วย
ปชป.ติงนปช.พาดพิงสถาบัน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ ขยายวงถึงการดึงสถาบันหลักมาเกี่ยวข้องมีการใช้ความรุนแรงคุกคามบุคคลที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล ในการจัดงานขอเรียกร้องให้นปช.หยุดนำคนที่พูดพาดพิงสถาบันขึ้นเวที และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบลำดับผู้ที่จะขึ้นเวที เอกสารเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมามีการเผยแพร่ข้อความที่พาดพิงสถาบัน ซึ่งกระทบ จิตใจของคนไทย รวมถึงควบคุมสถานการณ์ อย่าให้ซ้ำรอยวันที่ 1 ก.ย.ที่นปช.ถืออาวุธมาปะทะผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ง
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 2 ว่า ไม่เชื่อว่า 3 เกลอจะมีศักยภาพจัดงานใหญ่ถึงขนาดนี้ได้ และวันนี้ชัด เจนแล้วว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังได้บินจากลอนดอนมายังฮ่องกงแล้ว การจัดงานครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้มีการโฟนอินเข้ามาในประเทศไทย
ทรงกิตติเชื่อแม้วพูดไม่รุนแรง
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ทางรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณี พ.ต.ท. ทักษิณ จะโฟนอินว่า ทราบข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการที่คาดการณ์ไว้น่าจะจบประมาณ 22.00 น. ที่ประชาชนจะแยกย้ายกันกลับ ถ้าคิดดี พูดดี ทำดี และเสียสละจะเกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม แต่ทหารยังไม่ได้เทปก่อน คงอยากจะคุยกับประชาชน ทั้งนี้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว จึงควรทราบดีว่า ท่านควรจะพูดอย่างไร
เมื่อถามว่ากองทัพจะปรับบทบาทหรือไม่ เพราะมีการมองว่า กองทัพวางเฉยต่อสถาน การณ์ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า เราทำอะไรต้องประกาศทุกอย่างหรือไม่ เราทำในสิ่งที่ดี เมื่อประชาชนทราบจะเข้าใจเอง เราคงไม่ต้องประกาศ ว่า วันนี้ตนจะทำอะไร เราทำทุกอย่างเต็มที่ โดยดำเนินตามกฎหมายไม่ล่วงล้ำไปในสิทธิของผู้อื่น อยากให้ประชาชนชาวไทยใช้วิจารณญาณในการ วิเคราะห์ข่าวสาร บางเรื่องอาจจะมีความจริง 10 เปอร์เซ็นต์ แถม 80 เปอร์เซ็นต์ ทั่วไปอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ท่านต้องวิเคราะห์เพราะขณะนี้อยู่ในสงครามข่าวสาร
ย้ำกองทัพไม่เปลี่ยนจุดยืน
“จุดยืนกองทัพไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือต้องปกป้องอธิปไตย รักษาดินแดน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดยืนของทหารเปลี่ยนไม่ได้ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติ ผมอยากเรียนว่า หากการปฏิวัติทำให้ความแตกต่างทางความคิดเปลี่ยนแปลงได้ เราควรจะปฏิวัติหรือไม่ แต่ผมยังมองไม่เห็น เพราะ ปี 49 มีการปฏิวัติ 1 ครั้ง ปี 51 มี 1 ครั้ง ปี 52 มีอีก 1 ครั้ง คงไม่ใช่ และถามว่า หากปฏิวัติความแตกแยกทางความคิดของ 2 ฝ่ายจะกลับมารวมกันหรือไม่ ก็ไม่ได้กลับ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แล้วจะทำไปทำไม ส่วนการละเมิดสถาบันที่เป็นเงื่อนไขในการปฏิวัตินั้น เราต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ และร่วมมือถวายความจงรักภักดี ช่วยกันปกป้อง หากทุกคนไม่นำเรื่องสถาบันมาพูด และเทิดทูนองค์ท่านไว้เหนือเกล้าฯ” ผบ.สส. กล่าว
แจงกำลังทหารพร้อมทำหน้าที่
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงว่า ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยทหารและตำรวจจะช่วยกัน โดยทหารใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 เป็นหลัก ซึ่งขั้นต้นกำลังที่เตรียมไว้ 17 กองร้อย ซึ่งเพียงพอ ส่วนการดำเนินการในเบื้องต้น 1.ทางกองทัพได้ส่งกำลังทหารสารวัตรส่วนหนึ่งไปร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยกับตำรวจแล้ว 2.เฝ้าตรวจในพื้นที่ที่มีการชุมนุมและติดตามสถานการณ์ว่าจะมีแนวโน้มการเคลื่อนที่ไปเผชิญหน้ากันหรือไม่ 3.หากมีการเคลื่อนที่เผชิญหน้ากันทหารต้องปฏิบัติภารกิจให้ทันก่อนกำลังสองฝ่ายจะเข้าใกล้กัน ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง
“กองทัพยืนยันว่าการที่ทหารออกไป ไม่ใช่การปฏิวัติ ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ท่านตอบอย่างชัดเจนมาโดยตลอด และท่านรู้สึกค่อนข้างอึดอัดต่อคำถามนี้ เพราะพูดจุดยืนไปหลายครั้งแล้ว ทั้งนี้กำลังที่ออกไปคงมีเพียงหมวกกันน็อก โล่และกระบอง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันจุดประสงค์หลักว่า ต้องการยับยั้งไม่ให้มีการปะทะกันเท่านั้น” โฆษกกองทัพบก กล่าว
ศาลปัดไม่จ้องจับผิดทักษิณ
ที่ศาลอาญา นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสงค์ มหาลี้ตระกูล โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงว่า นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ไม่เคยมีคำสั่งหรือให้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งในเรื่องของการเฝ้าติดตามโทรศัพท์สายตรง (โฟนอิน) และไม่ได้สั่งการให้เผยแพร่คำพิพากษาคดีทุจริตซื้อ ขายที่ดินรัชดาภิเษก ลงในเว็บไซต์ของศาลฎีกา เป็นกระบวนการขั้นตอนการนำมาเผยแพร่ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
เมื่อถามว่าประธานศาลฎีกาได้แสดงความกังวลและห่วงใยต่อกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงกระบวนการยุติธรรม นายสราวุธ กล่าวว่า การทำงานของศาลยุติธรรมเหตุผลต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในคำพิพากษา โดยการทำงานของศาลยุติธรรมนั้นไม่อาจออกมาตอบโต้หรือโต้เถียงกับคู่ความในคดีได้ เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดคดี ที่มีความอิสระและเป็นกลาง
พูดพาดพิงดูข้อก.ม.เป็นหลัก
เมื่อถามย้ำว่าจะมีการตั้งคณะตรวจสอบกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เพราะขณะนี้ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หยุดกล่าวพาดพิง นายสราวุธ กล่าวว่า ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการใด ๆ ขึ้นมาตรวจสอบ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแต่การแสดงความคิดเห็นจะเกิดผลเสียหายหรือกระทบต่อส่วนรวม ขอเรียนว่าศาลเป็นองค์ กรของส่วนรวมของประเทศ เป็นองค์กรที่สำคัญในการที่จะรักษาดุลภาคในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ จึงฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแล
นายสราวุธ กล่าวถึงกรณีหากพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินพาดพิงศาลอีกนั้น คงตอบไม่ได้เป็นเรื่องสมมุติ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็จะพิจารณา ว่าใครกระทำผิดกฎหมายอาญาใด ต้องดูว่าการกระทำเข้าองค์ประกอบความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน โดยความผิดฐาน ละเมิดอำนาจศาลนั้น การใช้อำนาจของศาลก็ต้อง กระทำด้วยความระมัดระวัง ใช้เท่าที่จำเป็นซึ่งคงจะเป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะพิจารณาคดี ส่วนการที่จะชี้แจงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงศาลนั้นคงไม่มีมาตรการชี้แจง เพราะ ศาลทำตามหน้าที่ไม่ใช่คู่กรณีที่จะโต้แย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วย.