โผทหารส่อวุ่น ผบ.เหล่าทัพ เลื่อนส่งบัญชีโยกย้าย

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารในเดือนตุลาคมปี 2551 ว่า อาจต้องเลื่อนออกไปอีก 1-2 วัน

เนื่องจากบางเหล่าทัพยังจัดทำบัญชีไม่เรียบร้อย จึงได้แจ้งว่าวันที่ 13 สิงหาคม ยังไม่สามารถส่งไปให้ทางกองบัญชาการกองทัพไทยได้ เพราะติดขัดเล็กน้อยในบางตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว ส่วนตำแหน่งหลัก 5 เสือของแต่ละเหล่าทัพ ทราบว่าลงตัวหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ขอเลื่อนบัญชีโยกย้ายส่งให้ทางกระทรวงกลาโหม 1-2 วัน เพราะยังมีเวลาก่อนจะถึงวันที่ 15 สิงหาคม ที่จะส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม


เมื่อถามว่า ปัญหาที่ติดขึ้นเป็นเพราะตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ มีการสลับไขว้กันใช่หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ในรายละเอียดบอกไม่ได้

แต่หากติดขัด ผบ.เหล่าทัพ สามารถยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดคุยกันได้ทุกเมื่อ ส่วนตำแหน่งที่สลับไขว้กันไปมามีไม่กี่คน ส่วนมากจะให้แต่ละเหล่าทัพพิจารณากันเอง เพราะจะรู้ดีที่สุดว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งอะไร คนที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ จะมีความเหมาะสมทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ และยืนยันว่าจะไม่ขี้เหร่อย่างแน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2551 ซึ่ง พล.อ.บุญสร้างกำหนดให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพส่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมาให้พิจารณาภายในวันที่ 13 สิงหาคม

เพื่อตรวจสอบรายละเอียดก่อนที่จะส่งให้ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อส่งมอบให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากนั้นนายสมัครจะนัดผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารระดับนายพล ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้แต่ละเหล่าทัพยังไม่ได้จัดส่งรายชื่อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมาให้ พล.อ.บุญสร้าง ตามที่นัดหมาย เนื่องจากยังมีปัญหาในบางตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะตำแหน่งของผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ที่ยังมีปัญหาอยู่ และไม่สามารถดำเนินการจัดส่งให้กับกระทรวงกลาโหมพิจารณาได้ตามกำหนด ทำให้ พล.อ.บุญสร้างนัดหมายให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมาหารือกันถึงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารอีกครั้งในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ก่อนที่จะเสนอส่งให้กระทรวงกลาโหมพิจารณา

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับตำแหน่งที่มีปัญหาอยู่ คือผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.สส.คนใหม่

ซึ่ง พล.อ.บุญสร้าง ต้องการที่จะให้ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ (ตท.9) รอง ผบ.สส. ได้ขึ้นเป็น ผบ.สส. ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2552 ซึ่งเป็นคนในกองทัพไทยที่มีความอาวุโส และให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ (ตท.10) เสนาธิการทหาร ขยับมานั่งเก้าอี้ รอง ผบ.สส. เพื่อจ่อเก้าอี้ ผบ.สส.ต่อไป ขณะที่นายสมัครต้องการให้ พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ (ตท.8) รองปลัดกระทรวงกลาโหม ข้ามฝากมานั่งเก้าอี้ ผบ.สส. แล้วสลับให้ พล.อ.มนตรี นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหมแทน ด้วยเหตุนี้ทำให้ พล.อ.บุญสร้าง ยังไม่ระบุในบัญชีรายชื่อผู้ที่จะมานั่ง ผบ.สส.คนต่อไปได้ โดยจะต้องหารือกันอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกองทัพอากาศมีแนวโน้มว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) จะเสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายส่วนกองทัพอากาศเป็น 3 บัญชี

เพื่อให้คณะกรรมการร่วมกันพิจารณา เนื่องจากเดิม พล.อ.อ.ชลิต จะเสนอชื่อ พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ (ตท.11) เสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่แทน เพื่อสานต่อแนวทางการทำงานของกองทัพอากาศ ขณะที่ฝ่ายการเมืองต้องการให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แกนนำ ตท.10 กลับกองทัพอากาศอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงมีการเสนอให้ พล.อ.อ.พุฒิ มังคละพฤกษ์ (ตท.9) ผู้ช่วย ผบ.ทอ. แคนดิเดตอีกคนขึ้นเป็น ผบ.ทอ.แทน


รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ พล.อ.อ.ชลิต มองว่าเมื่อตำแหน่ง ผบ.ทอ.มีปัญหา จึงเตรียมเสนอรายชื่อผู้เป็นแคนดิเดตที่เหมาะสม และอยู่ในกองทัพอากาศทั้ง 3 คน
คือ บัญชีแรกเสนอ พล.อ.อ.พุฒิ นั่งเป็น ผบ.ทอ. และให้ พล.อ.อ.อิทธิพร นั่งเสนาธิการทหารอากาศตำแหน่งเดิม แล้วให้ พล.อ.อ.คณาพันธ์ สงวนสัตย์ (ตท.8) ผบ.กองบัญชาการยุทธทางอากาศ (บยอ.) โยกข้ามมานั่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม บัญชีที่สองเสนอ พล.อ.อ.คณาพันธ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. เพื่อตัดปัญหา เพราะ พล.อ.อ.คณาพันธ์ มีความอาวุโสรุ่นและเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี และให้ พล.อ.อ.อิทธิพร นั่งรอง ผบ.ทอ. ส่วน พล.อ.อ.พุฒิ โยกข้ามมานั่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม และบัญชีที่สามคือให้ พล.อ.อ.อิทธิพร เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุกำพล อาจได้กลับมานั่งประธานที่ปรึกษาพิเศษกองทัพอากาศ (อัตราจอมพล)


ด้านกองทัพเรือมีความเป็นไปได้ว่า พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จะเสนอชื่อ พล.ร.อ.สมเดช ทองเปี่ยม (ตท.8) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ด้วยความที่มีความอาวุโสรุ่น และเหลืออายุราชการอีก 1 ปี

แม้มีความพยายามเสนอให้ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ (ตท.10) ประธานที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เป็น ผบ.ทร. ซึ่งมีความอาวุโสสูงสุด เพราะครองอัตราจอมพลในกองทัพ แต่ด้วยที่ พล.ร.อ.กำธร มีอายุราชการเหลืออีก 3 ปี และยังมีนายทหารรุ่นพี่เหลืออยู่ในกองทัพ ดังนั้น พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ จึงจะเสนอ พล.ร.อ.สมเดช เป็น ผบ.ทร.ก่อน แล้วให้ พล.ร.อ.กำธร เป็น ผบ.ทร.คนต่อไป ทั้งนี้ เป็นไปตามที่มีการหารือกันระหว่างผู้บัญชาการเหล่าทัพว่าการปรับย้ายนายทหารประจำปี 2551 นี้ จะยังไม่มีนายทหาร ตท.10 ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ เพราะถือว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากยังมีนายทหารรุ่นอื่นที่ใกล้เกษียณอายุราชการยังอยู่ในตำแหน่งหลัก


ขณะที่กองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เสนอปรับย้ายในส่วนของ 5 เสือกองทัพบกที่เกษียณราชการ

โดยให้ พล.อ.ธีรวัฒน์ บุญยประดับ (ตท.10) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. และขยับ พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้ามานั่ง 5 เสือ ทบ.ในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2551 และขยับ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 มานั่งตำแหน่งเสนาธิการทหารบก เพื่อเตรียมเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. ให้มีความเหมาะสม เพื่อเตรียมตัวนั่ง ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์