ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการยกเลิกหนังสือเดินทางทางการฑูตของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ละหน่วยงาน ได้แก่ อัยการ ตำรวจ และกระทรวงต่างประเทศต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่รัฐบาลนิ่งเฉยและไม่ตอบโต้แถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือว่าทำให้ประเทศเสียหายนั้น ทุกคนต้องช่วยยืนยันว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่มีปัญหา ส่วนใครจะรู้สึกเห็นใจหรือเข้าใจความจำเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องชี้แจงประชาคมโลก เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นความน่าเชื่อถือของประเทศ เพราะหากประเทศถูกมองว่ากระบวนการยุติธรรมไม่เป็นกลาง จะกระทบความน่าเชื่อถือ
เมื่อถามว่า สถานะของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นการหลบหนีคดีหรือลี้ภัยทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่มีการขอลี้ภัย แต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มารายงานตัวต่อศาล ศาลจึงออกหมายจับ
ทั้งนี้ ประเทศอังกฤษจะเป็นผู้พิจารณาขั้นตอนการลี้ภัย หากมีการร้องขอ ส่วนการขอพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น ก็ต้องว่าไปตามสนธิสัญญาและกฎหมายของทั้งสองประเทศ ส่วนที่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ขาดเงินถึงขึ้นต้องยืมเงินจากอดีตประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้จำนวน 130 ล้านบาทนั้น อาจเป็นปัญหาการบริหารสโมสรฟุตบอลมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลอาจออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นกฎหมายแบบไหน ความผิดอะไร
และจะออกกฎหมายเพื่อใช้เจาะจงตัวบุคคลไม่ได้ นอกจากนี้ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไป เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ส่วนที่มองกันว่าคนมีเงินทำผิดแล้วไม่ต้องติดคุก จึงไม่เป็นธรรมกับคนทั่วไปนั้น ตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมยังไม่ยุติ และทุกฝ่ายต้องทำให้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ทุกคนมีสิทธิ์ในการต่อสู้คดีของตัวเอง โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ส่วนรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังในการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับผิดหรือไม่นั้น ฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบ แต่ตอนนี้ต้องดูท่าทีของรัฐบาลก่อน ซึ่งนายกฯต้องออกมายืนยันกระบวนการยุติธรรมไทย
ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ จะทำให้สถานการณ์การเมืองไทยดีขึ้นนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากทำให้การเผชิญหน้าหลายอย่างลดลง ก็คงทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ส่วนสถานการณ์ในพรรคพลังประชาชนนั้น ต้องไปถามคนใน แต่เห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯอารมณ์ดี ส่วนจะแบ่งก๊วนอย่างไรในนั้น ต้องแยกเรื่องการเมือง กับคดีพ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากกัน เมื่อถามถึงส.ส.พรรคพลังประชาชนเตรียมแปรญัตติร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เป็น 3 ศาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบชัด และกำหนดไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 แล้ว มีหลักสำคัญคือ การมีกระบวนการพิเศษกับนักการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญจะพิจารณาร่างฯเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้ คิดว่าคงไม่เสนอแบบนั้นออกมา แต่คงเป็นความคิดส่วนบุคคลมากกว่า