เลขาฯศาลอาญาเตรียมเสนอศาลออกหมายจับ 'อ้อ' ใบที่สอง ฐานหลบหนีคดีระหว่างอุทธรณ์ ริบเงินประกัน 15 ล้านบาท รวมของ 'บรรณพจน์-กาญจนาภา' ด้วย ด้าน อสส.เตรียมตั้งทีมล่าตัว 'แม้ว-พจมาน' กลับไทย ส่วนคดียึดทรัพย์ 6.9 หมื่นล้าน คาดส่งฟ้องศาลได้สัปดาห์หน้า หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 1-2 คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก หลังจากไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลตามเงื่อนไขการอนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมปรับเงินประกันทั้งสองคนรวมจำนวน 13 ล้านบาทนั้น เสนอศาลออกหมายจับ'อ้อ'อีกคดี เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายณรัช อิ่มสุขศรี เลขานุการศาลอาญา กล่าวถึงกรณีคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็นจำเลยคดีจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ว่า หลังจากศาลฎีกาฯออกหมายจับคุณหญิงพจมานแล้ว ขณะนี้สำนักงานเลขานุการศาลอาญา กำลังรวบรวมข้อเท็จจริง หากปรากฏแน่ชัดว่า คุณหญิงพจมานหลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษแล้ว ในวันที่ 13 สิงหาคม จะนำข้อเท็จจริงนี้เข้าหารือกับนายปราโมทย์ พิพัทธ์ปราโมทย์ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญา เจ้าของสำนวนคดีจงใจเลี่ยงภาษีว่า องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาจะเห็นสมควรให้มีหมายเรียกจำเลยและนายประกันมาตรวจสอบว่ายังมีตัวตนอยู่หรือไม่ ถ้าคุณหญิงพจมานไม่มาโดยไม่ปรากฏเหตุผลที่รับฟังได้ เท่ากับว่าหลบหนี องค์คณะอาจพิจารณาสั่งปรับเงินประกัน 5 ล้านบาท เพราะผิดสัญญาประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ และออกหมายจับคุณหญิงพจมานในคดีดังกล่าวด้วยเพื่อดำเนินการให้ได้ตัวคุณหญิงพจมานมาศาล ส่อริบเงินประกัน3จำเลย15ล้าน "ตามกฎหมายอาญาคดีหลบเลี่ยงภาษีฯ คุณหญิงพจมานถือเป็นจำเลยที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ หากศาลปรับเงินประกันและมีหมายจับเมื่อได้ตัวมา คุณหญิงพจมานก็มีสิทธิขอยื่นประกันอีกครั้ง แต่ถ้าศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจะหลบหนีก็จะไม่ให้ประกัน คุณหญิงพจมานจะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ เรียกว่า ขังระหว่างอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ประกัน ยังไม่เรียกว่าเป็นการคุมขังตามคำพิพากษาจำคุก 3 ปีของศาลชั้นต้นเพราะคดียังมีการอุทธรณ์อยู่" เลขานุการศาลอาญากล่าว เมื่อถามว่า หากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน จำเลยที่ 1 และ 3 หลบหนีไปพร้อมกับคุณหญิงพจมาน จะดำเนินการออกหมายจับด้วยหรือไม่ นายณรัชกล่าวว่า องค์คณะผู้พิพากษาคดีจงใจเลี่ยงภาษีฯ มีอำนาจออกหมายจับและสั่งปรับเงินประกันบุคคลทั้งสองเช่นกัน ศาลตีราคาประกันจำเลยทั้งสองคนไว้คนละ 5 ล้านบาท เหมือนคุณหญิงพจมาน รวมวงเงินประกันทั้งสาม 15 ล้านบาท อสส.ตั้งคณะทำงานตาม 'แม้ว-อ้อ' แหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังจากที่นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดได้หารือกับนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เกี่ยวกับแนวทางขั้นตอนการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม แล้ว เบื้องต้นเห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองแล้ว และคดีที่ดินรัชดาฯ อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานจำเลยของศาลฎีกา จึงเป็นหน้าที่ของอัยการที่จะดำเนินการตามหมายจับของศาลฎีกา ในการขอตัวทั้งสองเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีในไทยต่อ โดยอัยการสูงสุดเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานอัยการพิจารณาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการขอลี้ภัย พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และสนธิสัญญาข้อตกลงด้านกฎหมายระหว่างประเทศไทยและอังกฤษ เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน จำเลยทั้งสอง ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยคาดว่าอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งแต่งตั้งนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดอาวุโสลำดับ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ และอัยการระดับสูง ที่มีความเชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงาน "หาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานอ้างว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองไม่ใช่คดีอาญาที่มีโทษถึงประหารชีวิต และยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อกระทรวงมหาดไทยประเทศอังกฤษ และไม่ให้ศาลอังกฤษส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทย จะทำให้การขอให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองมาดำเนินคดีมีความยากลำบากมากขึ้น โดยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอ้างข้อกฎหมายมาต่อสู้อย่างเต็มที่" แหล่งข่าวกล่าว นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่อัยการสูงสุดจะมีคำสั่งตั้งคณะทำงานติดตามตัวจำเลยทั้งสอง แต่การขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน เป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรง และเชื่อว่าอัยการน่าจะทำงานได้เร็ว หลายคนเคยมีประสบการณ์ในการประสานงานกับอัยการอังกฤษมาแล้ว รออสส.เซ็นคำฟ้องยึด6.9หมื่นล. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวถึงสำนวนคดีแพ่ง ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 76,000 ล้านบาท เนื่องจากมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ว่า ขณะนี้อัยการได้เตรียมสำนวนฟ้องไว้หมดแล้ว รอเพียงนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดที่เดินทางไปราชการที่ภูฏาน ในเช้าวันเดียวกันนี้กลับมาลงนามเท่านั้น โดยจะกลับมาวันที่ 16 สิงหาคม คดีนี้อัยการจึงจะส่งฟ้องได้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า นายวัยวุฒิกล่าวอีกว่า เนื่องจากคดีขอให้ยึดทรัพย์เป็นคดีแพ่งที่ผู้ร้องต้องระบุที่อยู่ของทรัพย์สินให้ชัดเจน ดังนั้น เงินจำนวน 69,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อายัดไว้ จึงสามารถยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ทันที ส่วนอีก 7,000 กว่าล้านบาทที่ยังหาไม่พบ เป็นหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่รับถ่ายโอนอำนาจในการพิจารณาคดีมาจาก คตส.จะต้องไปติดตามกลับมา เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมได้ น้องเขยบอกให้หาทนายเก่งๆ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นฉุกละหุกมาก จึงยังไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบจากข่าวเท่านั้น ผมไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณขอลี้ภัยต่อรัฐบาลอังกฤษแล้วหรือไม่ แต่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณโตแล้ว น่าจะคิดเองได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในฐานะญาติก็รู้สึกห่วง แต่แนะนำได้แค่ว่า ให้หาทนายเก่งๆ เท่านั้น ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการที่ทั้ง 2 คนไปอยู่ต่างประเทศจะทำให้สถานการณ์การเมืองในประเทศดีขึ้นนั้น นายสมชายกล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไม่ขึ้นกับทั้ง 2 คน จะอยู่หรือไม่ การเมืองก็เดินไปตามปกติ เรามีรัฐบาล มีฝ่ายค้าน ก็ทำงานตามปกติ ไม่มีอะไรกระทบกระเทือน ไม่ปิดกั้นใครย้ายพรรค เมื่อถามว่า ลูกพรรคพลังประชาชนบางคน อาจฉวยโอกาสนี้ย้ายไปอยู่กับพรรคอื่นหรือตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา จะเป็นการเนรคุณกับนายใหญ่หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า หากคิดว่าไปอยู่พรรคอื่นแล้วดีกว่าก็ไปได้ ไม่ได้ห้าม เป็นสิทธิ ไม่ใช่การเนรคุณ แต่คนที่เป็น ส.ส.อยู่ในขณะนี้ ไปไหนไม่ได้หรอก เพราะกฎหมายห้ามไว้ จากนั้น นายสมชายยังย้อนถามผู้สื่อข่าว ที่ถามถึงกรณีที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ เตรียมตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจถึงขั้นถอดจากการเป็นประธานสโมสร ว่า "คุณเห็นว่าไง เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือเปล่า" ย้ำ'แม้ว'ฝาก'เนวิน'ดูแลพปช. นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์ถึงนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เพื่อฝากฝังให้ดูแลพี่น้องในพรรคพลังประชาชนจริงตามที่เป็นข่าว โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 5 นาที โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้ฝากให้นายเนวิน ช่วยดูแลพี่น้องในพรรคพลังประชาชนที่เคยต่อสู้กันมาตั้งแต่ช่วงเวลาที่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย ซึ่งนายเนวินได้ตอบไปว่า พร้อมที่จะทำงานและยืนเคียงข้างนายอยู่แล้ว นอกจากนี้ นายเนวินยังได้รายงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้รับคำแถลงการณ์เรียบร้อยและดำเนินการเผยแพร่ให้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นคนใกล้ชิดนายเนวิน การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ และนายเนวินนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาทั้งสองคนมีการพูดคุยกันมาตลอด แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ต่างประเทศก็ตาม 'ประชา' โต้พปช.มี 'สมัคร' ดูแล นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กลุ่มบ้านริมคลอง กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ยินข่าว แต่นายเนวินอยู่บ้านเลขที่ 111 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว หากใครจะปรึกษาหารือก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะนายเนวินก็มีความรู้ความสามารถทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ที่แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปพำนักที่ต่างประเทศแล้ว แต่พรรคพลังประชาชนก็มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ที่คอยให้การดูแล ส.ส.และกิจกรรมของพรรคต่อไป อีสานพัฒนาไม่เชื่อ 'เนวิน' นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย พรรคพลังประชาชน กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เพราะสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพำนักต่างประเทศเนื่องจากต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข และได้ยินมากับหูว่า พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า มีคนแอบอ้างชื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ เรื่องนี้นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน จะไปยื่นข้อมูลหลักฐานเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวต่อ ป.ป.ช.แน่นอน เพราะหากพูดขึ้นลอยๆ ก็จะเป็นการฆ่าตัวของนายศักดาเอง ด้านนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม หัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า การจัดการในพรรคนั้นมีกระบวนการ จึงยืนยันและไม่เชื่อว่าจะมีการฝากให้ใครมาดูแล ส.ส.ในพรรค เหตุที่เกิดขึ้นหากมีใครฉวยโอกาสสร้างภาวะผู้นำทางการเมือง ก็สามารถทำได้ แต่การจัดการพรรคควรเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยที่มี ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกถรรคที่วินิจฉัยตัดสินใจ ผบ.ทบ.ชี้สถานการณ์เย็นลง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยไปอังกฤษว่า ไม่มีความเห็น เพราะเป็นเรื่องของศาลและกฎหมาย ต้องเป็นไปตามกฎหมายและแนวทางการปฏิบัติ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์เพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เราคงต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของเรา สังคมเราถึงจะเดินไปได้ สถาบันหลักทั้งหลายที่มี 3 อำนาจ คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ คงต้องเชื่อมั่น เพราะเราอยู่ในประเทศไทย ต้องเชื่อมั่นใน 3 สถาบันหลักชาติ ถามว่า หลังจากนี้แล้วคิดว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะลดลงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ดูว่าในระยะหลังทุกอย่างน่าจะเย็นลง สถานการณ์ในสังคมส่วนรวมทั้งประชาชนเองและผู้ที่เคลื่อนไหวดูเย็นลงในช่วงท้ายๆ นี้ 'จิ๋ว' ชี้ยธ.สร้างดุลให้สังคม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำแถลงการณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ควรจะมองในทางสร้างสรรค์ คือเป็นเจตนาที่อยากจะไปจากข้อขัดแย้ง เพื่อให้อะไรต่างๆ ดีขึ้น แต่คนที่อยู่ห่างอาจจะไม่มีข้อมูลพอ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในแถลงการณ์ว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกแทรกแซงนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า "ไม่ทราบ เพราะไม่มีความรู้ แต่กระบวนการยุติธรรมเป็นกระบวนการที่ถือดุลให้สังคม จะเห็นได้ชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมอบความรับผิดชอบนี้ให้ ซึ่งเป็นเกียรติต่อกระบวนการนี้ เมื่อได้รับสนองถึงขั้นนี้ ถือเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด คิดว่าเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมคงพยายามทำอย่างดีที่สุด พยายามที่จะรักษาความเป็นผู้ถือดุลเอาไว้ พูดง่ายๆ คือ เป็นกรรมการใหญ่ จึงควรให้กำลังใจเขา" พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า สองฝ่ายวันนี้ คือ ฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อีกฝ่ายไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่ ความขัดแย้งก็น่าจะยุติแล้ว ส่วนความจำเป็นของรัฐบาลเฉพาะกาลนั้น ถ้าความขัดแย้งในสังคมหมด ก็หมดความจำเป็น คิดว่าต่อจากนี้คนไทยน่าจะสบายใจได้แล้ว ทุกอย่างคงจะจบลงได้โดยดี
เล็งออกหมายจับอ้อคดีเลี่ยงภาษี-ริบเงินประกัน15ล.คดียึดทรัพย์ส่งฟ้องสัปดาห์หน้า
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เล็งออกหมายจับอ้อคดีเลี่ยงภาษี-ริบเงินประกัน15ล.คดียึดทรัพย์ส่งฟ้องสัปดาห์หน้า