ฐานที่มั่นทางธุรกิจสำคัญ ตระกูล 'ชินวัตร' ยังอยู่ในเมืองไทย หลังจากขายกิจการสายโทรคมนาคมแหล่งรายได้หลัก ที่ทำเงินมหาศาลให้กับกองทุนเทมาเส็กจากสิงคโปร์ไปแล้วยังคงถือหุ้นใหญ่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจต่างๆ อย่างน้อย 13 บริษัท
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เดินทางไปพำนักประเทศอังกฤษแล้ว หากแต่ฐานที่มั่นทางธุรกิจสำคัญยังคงอยู่ในเมืองไทย โดยหลังจากขายกิจการสายโทรคมนาคมแหล่งรายได้หลัก ที่ทำเงินมหาศาลให้กับกองทุนเทมาเส็กจากสิงคโปร์ไปแล้ว ตระกูล 'ชินวัตร' ยังคงถือหุ้นใหญ่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจต่างๆ อย่างน้อย 13 บริษัท ประกอบด้วย
1.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีครอบครัวชินวัตรถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย คุณหญิงพจมาน และนางสาวพินทองทา และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นรวมกันกว่า 60% โดยมีบริษัทในเครือ ประกอบด้วย
บริษัท โอเอไอ แอสเสท จำกัด (99.99%)
บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด (99.99%)
บริษัท วี.แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (99.99%)
กองทุนรวมเอสเสทเน็ตเวิร์ค (30%)
2.บริษัท เอส ซี ออฟฟิช ปาร์ค จำกัด
3.บริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่น จำกัด
4.บริษัทเอสซี ออฟฟิช พลาซ่า จำกัด
5.บริษัทเวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด
6.บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
7.บริษัท ไอเอไอ คอนซัลแต้นท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด
8.บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด
9.บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
10.บริษัท โอเอไอ ลิสซิ่ง จำกัด
11.มหาวิทยาลัยชินวัตร โดยบริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ซึ่งครอบครัวชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
12.บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด มีบริษัทลูกได้แก่ บริษัท ฮาวคัม มีเดีย บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ จำกัด บริษัท ฮาวคัม ไอพี จำกัด
และ 13.บริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด
อนาคต 13 บริษัทยามไร้ 2 เสาหลัก น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชะตากรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน..แน่นอน!!