เกมสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่อสู้อย่างหนักกับกรรมทางการเมืองของตัวเอง ถูกมองผ่านสายตาบิ๊กพลังประชาชน ว่าถึงอย่างไรก็ต้องถอยไปตั้งหลักยังต่างประเทศ
ซึ่งกว่าเดือนก่อนหน้าที่ทักษิณและครอบครัวจะตัดสินใจออกจากประเทศไทยไป ได้มีการพูดเรื่องลี้ภัยและการไปพำนักในต่างประเทศ ในวงสนทนาระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับแกนนำพรรคพลังประชาชน (พปช.) แกนนำพรรคไทยรักไทย และคนใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา
แม้วันนั้น ทักษิณจะยังไม่ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว และเป็นคำถามคาใจของหลายคน แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงแถลงการณ์ไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง แทนคำตอบของทุกคำถาม
แต่สัญญาณสุดท้ายที่ทักษิณส่งไปยังพรรคพลังประชาชนที่เขาตั้งขึ้นมา ด้วยการส่ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ไปเคลียร์ปัญหาระหว่างอีสานพัฒนากับเพื่อนเนวิน ระหว่างที่ทักษิณร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิค ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถึงอย่างไร ทักษิณ และ พลังประชาชน ก็ตัดกันไม่ตาย ขายกันไม่ขาด และจะยังมีบทบาทในพลังประชาชน ไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งทักษิณเคยทำสำเร็จมาแล้ว หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ ทักษิณ บัญชาการทางไกลจากอังกฤษ มายังถนนเพชรบุรี
และหากย้อนไปดูแถลงการณ์ของทักษิณ แล้วแกะคำพูดออกมา จะพบว่าทั้งหมดแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้น และความต้องการกลับมาเพื่อชำระสะสางกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและครอบครัวทุกตัวอักษร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทักษิณ ยังจะต้องใช้บริการรัฐบาลพรรคพลังประชาชน อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพื่อให้ได้กลับประเทศไทยตามที่ต้องการ แต่สถานะของ ทักษิณ วันนี้ที่กลายเป็น ผู้ร้ายหนีคดี อัตราภาษีแตกต่างกับ อดีตนายกฯที่ถูกรัฐประหาร ลิบลับ
หากประเมินโอกาสกลับมา สู้ เพื่อสร้าง บารมี แล้ว ยังมีโอกาส 50-50 กับการ สิ้นบารมี ไปหลังการออกนอกประเทศไทยครั้งนี้
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บรรดา บุคลากรการเมือง ค่ายพลังประชาชน จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองต่างๆ ในพรรคที่ต้องปรับตัวรับกับการสิ้นนายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่อย่าง เพื่อนเนวิน ที่มี ส.ส.อยู่ในมือนับร้อย ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่จับสัญญาณได้ก่อนใครเพื่อน เพราะมีการขยับจับมือกับ 3 แกนนำอย่าง สมัคร สุนทรเวช ธีรพล นพรัมภา และ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เพื่อสร้างฐานอำนาจใหม่ ในการรองรับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของพลังประชาชน ด้วยการขยับจาก เพื่อนเนวิน สู่ แก๊งออฟโฟร์ ได้สร้างความไม่ไว้ใจให้กับกลุ่มอื่นๆ ในพรรค เนื่องจากที่ผ่านมา เพื่อนเนวินทำตัวเป็นมาเฟียการเมืองในพรรคที่ไม่รู้จักอิ่มหนำในอำนาจ
จนมีข่าวว่า แกนนำอย่าง ยงยุทธ ติยะไพรัช คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้กระทั่ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ต้องจับมือกันเพื่อคานอำนาจ กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่อาจจะใหญ่ จนไม่สามารถทัดทานต่อไปได้ หากวันที่ไร้นายใหญ่มาถึง
ซึ่งเป็นจังหวะของการช่วงชิงอำนาจการนำภายใน พปช.เท่านั้น แต่จะไม่แตกหักถึงขนาดต้องแยกตัวกันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะสถานการณ์การเมืองวันนี้ไม่เอื้อกับพรรคการเมืองขนาดเล็ก หรือกลาง ที่จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง เหมือนที่เคยพิสูจน์มาแล้วกับ เพื่อแผ่นดิน มัชฌิมาธิปไตย และรวมใจไทยชาติพัฒนา
แล้วถ้าทักษิณยังต้องการกลับประเทศไทยตามที่ได้ประกาศไว้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวบรวมสรรพกำลังของอดีตพรรคไทยรักไทยเข้ามาไว้รวมกัน เพื่อต่อสู้กับ กลุ่มต้าน และพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับตาว่า ทักษิณจะบริหารบารมีของตัวเองกับนักการเมืองพรรคพลังประชาชนไปอย่างไร ในสภาวะที่ตัวเองจะต้องอยู่ห่างไกล
ในระยะยาว และโอกาสชนะเหลือน้อย ก็จะต้องเสี่ยงวัดใจคน พปช.ครั้งสำคัญ ท่ามกลางกระแสข่าวการเตรียมการหักหลังนายใหญ่ของกลุ่ม-แก๊งภายใน และการจับมือกับประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด รวมทั้งกระแสหนาหูที่ว่า บางกลุ่ม-บางแก๊ง อาศัยชื่อทักษิณเพื่อสร้างความเป็นใหญ่ แต่ได้แอบสร้างการเมืองใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การแอบไปตั้งพรรคการเมือง แต่เป็นการทำเพื่อสร้างการเมืองใหม่ ที่จะยกเรื่องความสมานฉันท์ในชาติขึ้นมาเป็นเงื่อนไขสำคัญ
ด้วยการเตรียมจับมือกับฝ่ายตรงข้าม ร่วมจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์
นั่นจะหมายถึงโอกาสในการกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ที่จะค่อยๆ ริบหรี่ลงไปด้วย....
***ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11112 , หน้า 11