กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังยืดเยื้อต่อไปนั้น รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าการชุมนุมจะไม่รุนแรงบานปลาย ทั้งนี้ยอมรับว่า แม้การชุมุนมจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้ ได้ส่งผลให้นักลงทุนที่เตรียมเข้ามาลงทุน ตัดสินใจชะลอการลงทุน เพื่อรอดูเหตุการณ์ว่าจะกลับไปสู่สถานการณ์แบบเดิมหรือไม่
“วันนี้ การชุมนุมมีผลให้เกิดการชะงักของการลงทุนแล้ว ซึ่งนักลงทุนที่เตรียมศึกษาเพื่อเข้ามาลงทุน แต่ยังไม่ได้ลงทุน รอดูว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
นพ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างประเทศ
ว่าการชุมุนมถือเป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย ที่พยายามประคับประคองไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย เลวร้ายไปกว่านี้ แต่ต้องการให้นักลงทุน รวมทั้งประชาชนเกิดความมั่นใจ และหันกลับมาทำงานในเชิงสร้างสรรค์เพื่อร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
รมว.คลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ไปชี้แจงต่อคณะทูตจากนานาประเทศ ที่กระทรวงต่างประเทศ
เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยคณะทูตให้ความสนใจต่อโครงการลงทุนเมกกะโปรเจ็คท์ และได้ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนให้เป็นไปตามแผนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ลงทุน หรือผู้รับเหมาก่อสร้าง สามารถเข้ามาขอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเตรียมเข้ามาเปิดประมูลได้ ส่วนเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรนั้น คณะทูต ไม่ได้ซักถามในเรื่องนี้มากนัก.