อย่างไรก็ตาม การแถลงครั้งนี้นายจักภพเท้าความถึงประวัติของตัวเอง
เพื่อให้เป็นที่ประ จักษ์ว่าทั้งตัวเองและครอบครัวไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าพี่ชายรับราชการเป็นนายทหาร และได้ถูกพร่ำสอนในเรื่องความจงรักภักดีมาเป็นอย่างดี ส่วนตัวเองได้ถวายงานมาแล้วในหลายโอกาสด้วยกัน โดยนายจักรภพ ระบุตอนหนึ่งว่า “ผมคิดว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว คนที่พยายามจะปลุกเรื่องนี้และมองไปถึงขั้นว่า มีแนวความคิดที่ไม่เป็นผลดีต่าง ๆ ต่อสังคม ต่อไปคงได้เห็นหลักฐานที่จะทำให้ละอายแก่ใจตนเอง ถ้ายังมีความละอายนั้นอยู่ในกมลสำนึกบ้าง”
จากนั้น นายจักรภพ ได้เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยการบอกชื่อ นามสกุล ของผู้แปลสำนวนของพรรคประชาธิปัตย์
เพื่อที่ตนจะได้ฟ้องร้องได้อย่างถูกต้อง แต่หากนายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าเปิดเผย ก็ต้องค้ำประกันคำแปลนั้นว่าถูกต้อง นอกจากนี้การเรียกร้อง ให้ปลดหรือถอดถอนตนออกจากตำแหน่งโดยไม่ให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ ถือเป็นการกระทำที่สิ้นคิด ไม่เคารพระบบที่มี ขาดความเป็นผู้ใหญ่ และเรื่องนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ระหว่างตนกับนายอภิสิทธิ์ ใครเป็นผู้จงรักภักดีอย่างแท้จริงต่อสถาบัน