เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 8 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุม ครม.ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า
ขณะนี้กำลังถกเถียงกันอยู่ สุดท้ายพรรครัฐบาล 6 พรรค มีท่าทีร่วมกันว่าจะแก้ทั้งฉบับ หวังใจว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่มีใครเอามาเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยาก เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยมีมติขอแก้เพียงบางมาตรา นายสมัครตอบว่า จะเอามาตราไหนเลือกเอา แก้บางมาตราก็ได้ประโยชน์ แก้มาก แก้น้อยก็ได้ประโยชน์
เมื่อถามกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบางคนออกมาเสนอให้แก้มาตรา 291 เพื่อปลดล็อกเปิดกว้างให้มีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญมากขึ้น จะนำจุดนี้ไปพิจารณาหรือไม่
นายสมัครตอบว่า เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของตน ไม่มีความเห็น เมื่อถามว่า วิปรัฐบาลบอกว่าบางมาตราจะส่งผลให้เกิดความรุนแรง นายสมัครตอบว่า ถามหน่อยแก้รัฐธรรมนูญทำไมต้องรุนแรง เหตุใดต้องรุนแรง ผู้สื่อข่าวคิดว่ามันรุนแรงมั้ย กฎหมายมันเขียนธรรมดาไม่ถูกต้อง เราก็แก้ให้ถูกต้อง แล้วจะเกิดความรุนแรงอย่างไร คนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้เป็นคนชอบกลแท้ๆ เลย เขาเขียนได้ก็แก้ได้ แก้กฎหมายก็แก้กันอยู่ทุกวัน กฎหมายเขียนด้วยคน คนก็เป็นผู้แก้ ตอนร่างก็บอกว่าไม่ชอบใจแก้ไขได้ แก้ไขง่าย แต่พอเสร็จแล้วกลับไม่ให้แก้
เมื่อถามว่า จะเสนอให้มีการลงประชามติหรือไม่
นายสมัครตอบว่า เมื่อก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญจะต้องทำประชามติหรือไม่ ยุติธรรมกับคนหรือไม่ ประชาชนลงประชามติยุติธรรมหรือไม่ ใครร่างก็ไม่รู้แล้วให้ประชาชนมาลงคะแนน ถ้าสภาผู้แทนราษฎรร่างแล้วให้มีการลงประชามติก็ไม่มีปัญหา ถ้าเขาอยากจะทำ แต่การลงประชามติใช้งบประมาณครั้งละ 2 พันล้าน กฎหมายทุกฉบับต้องลงประชามติด้วยหรือ รัฐธรรมนูญต่างจากกฎหมายทั่วไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
เมื่อถามว่า จะถูกมองไม่เหมาะสมหาก ส.ส.เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากพรรคพลังประชาชนกำลังตกเป็นจำเลยคดียุบพรรค
นายสมัครตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงโมโหว่า “อย่ามาว่าเป็นจำเลยนะ จำเลยอะไร” ผู้สื่อข่าวถามว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอาจโดนใบแดง และมีสิทธิถูกยุบพรรค นายสมัครตอบว่า เรื่องของเขาถ้าจะมองว่าไม่เหมาะสม ตกลงว่าถ้าแก้แล้ววันข้างหน้าได้ ประโยชน์หรือไม่ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนายยงยุทธ สมควรแก้หรือไม่ วันข้างหน้าเลือกตั้งใหม่พรรคการเมืองก็โดนอย่างนี้อีกเป็นอย่างไร อันนี้จะทำเพื่อวันข้างหน้า