
ณัฐวุฒิ เสียดายโอกาส ทักษิณ เจอ ทรัมป์ หลังศาลไม่อนุญาตไปกาตาร์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ณัฐวุฒิ เสียดายโอกาส ทักษิณ เจอ ทรัมป์ หลังศาลไม่อนุญาตไปกาตาร์

กลายเป็นประเด็นที่หลายๆ คนให้ความสนใจ เมื่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเดินทางขอออกนอกประเทศของนายทักษิณ
"ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรง เป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี ภายใต้เงื่อนไขการเดินทางไปต่างประเทศต้องขออนุญาตศาล เคยทั้งได้รับอนุญาตและไม่อนุญาตให้เดินทาง
ตอนเป็นรัฐมนตรีขอเดินทางก็มีที่ศาลไม่อนุญาต ผมเข้าใจเอาเองว่าเหตุผลสำคัญที่ศาลไม่อนุญาตเดินทางคือเกรงจะหลบหนี ในใจก็สงสัยว่าตั้งแต่โดนสารพัดคดีติดคุกกี่รอบไม่เคยหนี ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีผมจะหนีทำไม แต่ก็เคารพดุลยพินิจศาล
หลังรัฐประหารเคยถึงขั้นศาลอนุญาตแล้ว วันเดินทางผ่านทุกขั้นตอนจนนั่งประจำที่รอเครื่องขึ้นบิน อยู่ๆเจ้าหน้าที่ตม.มาพาตัวลงจากเครื่อง บอกว่ายังมีหมายห้ามเดินทาง ต้องลงมาสู้มาเคลียร์เอกสารหลักฐานกันยกใหญ่ ไม่ได้เดินทางในเที่ยวบินเช้านั้น ได้ไปอีกทีเที่ยวดึกวันเดียวกัน
ใครก็ตามเป็นจำเลยเมื่อยื่นขอประกันตัว หากศาลกำหนดเงื่อนไข หมายความว่าถ้าจะได้ประกันต้องตามนั้น แล้วก็ต้องถือปฏิบัติจนกว่าคดีถึงที่สุด หรือ ศาลกำหนดเงื่อนไขเป็นอย่างอื่น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับร่วมกัน
กรณีอดีตนายกทักษิณก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ เท่าที่ขอเดินทางศาลไม่อนุญาตเป็นส่วนใหญ่ ครั้งล่าสุดเมื่อศาลไม่อนุญาตก็ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยชอบ ฝ่ายจำเลยเลือกทำได้สองอย่าง คือยอมรับและยุติแผนการเดินทางครั้งนี้ หรือ อุทธรณ์คำสั่งตามสิทธิ์ที่พึงมี และรอคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ต่อไป
ตามข่าวบอกว่าเหตุผลที่ยื่นขอเดินทางครั้งนี้คือได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่กาตาร์ ซึ่งจะมีโอกาสพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คนเชิญคือเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ เข้าใจว่าจะมีบุคคลสำคัญทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลกอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน
ผมไม่กังวลที่ดร.ทักษิณไม่ได้เดินทาง ทุกครั้งที่ท่านขอแล้วศาลไม่อนุญาตก็เฉยๆเพราะเข้าใจกระบวนการ แต่คราวนี้พูดตรงๆว่าเสียดายโอกาส เพราะดร.ทักษิณกับประธานาธิบดีทรัมป์มีสัมพันธภาพที่ดีกันมายาวนานตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักธุรกิจ หากได้เจอกันในสถานการณ์กำแพงภาษี
แม้ไม่มีวาระหารืออย่างเป็นทางการ แต่ก็น่าจะมีบทสนทนาไม่ว่าจะกับโดนัลด์ ทรัมป์เองหรือทีมงานที่เป็นประโยชน์ และนำมาขยายผลในกระบวนการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศได้ แน่นอนว่าเรื่องเจรจาเป็นความรับผิดชอบหลักของรัฐบาล
แต่สถานการณ์แบบนี้ใครมีศักยภาพจะช่วยบ้านเมืองได้ก็ต้องเอามาใช้ ไม่ใช่เพียงดร.ทักษิณ ใครก็ตามหากจะเป็นประโยชน์ต้องหาทางช่วยกัน การพูดคุยไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะทางการเสมอไป วงข้าว วงคุย วงดื่มสังสรรค์ หรือ วงนอกรอบใดๆก็ทำได้ อยากให้ดร.ทักษิณได้เจอกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย"
"ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรง เป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี ภายใต้เงื่อนไขการเดินทางไปต่างประเทศต้องขออนุญาตศาล เคยทั้งได้รับอนุญาตและไม่อนุญาตให้เดินทาง
ตอนเป็นรัฐมนตรีขอเดินทางก็มีที่ศาลไม่อนุญาต ผมเข้าใจเอาเองว่าเหตุผลสำคัญที่ศาลไม่อนุญาตเดินทางคือเกรงจะหลบหนี ในใจก็สงสัยว่าตั้งแต่โดนสารพัดคดีติดคุกกี่รอบไม่เคยหนี ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีผมจะหนีทำไม แต่ก็เคารพดุลยพินิจศาล
หลังรัฐประหารเคยถึงขั้นศาลอนุญาตแล้ว วันเดินทางผ่านทุกขั้นตอนจนนั่งประจำที่รอเครื่องขึ้นบิน อยู่ๆเจ้าหน้าที่ตม.มาพาตัวลงจากเครื่อง บอกว่ายังมีหมายห้ามเดินทาง ต้องลงมาสู้มาเคลียร์เอกสารหลักฐานกันยกใหญ่ ไม่ได้เดินทางในเที่ยวบินเช้านั้น ได้ไปอีกทีเที่ยวดึกวันเดียวกัน
ใครก็ตามเป็นจำเลยเมื่อยื่นขอประกันตัว หากศาลกำหนดเงื่อนไข หมายความว่าถ้าจะได้ประกันต้องตามนั้น แล้วก็ต้องถือปฏิบัติจนกว่าคดีถึงที่สุด หรือ ศาลกำหนดเงื่อนไขเป็นอย่างอื่น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับร่วมกัน
กรณีอดีตนายกทักษิณก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ เท่าที่ขอเดินทางศาลไม่อนุญาตเป็นส่วนใหญ่ ครั้งล่าสุดเมื่อศาลไม่อนุญาตก็ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยชอบ ฝ่ายจำเลยเลือกทำได้สองอย่าง คือยอมรับและยุติแผนการเดินทางครั้งนี้ หรือ อุทธรณ์คำสั่งตามสิทธิ์ที่พึงมี และรอคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ต่อไป
ตามข่าวบอกว่าเหตุผลที่ยื่นขอเดินทางครั้งนี้คือได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่กาตาร์ ซึ่งจะมีโอกาสพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คนเชิญคือเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ เข้าใจว่าจะมีบุคคลสำคัญทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลกอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน
ผมไม่กังวลที่ดร.ทักษิณไม่ได้เดินทาง ทุกครั้งที่ท่านขอแล้วศาลไม่อนุญาตก็เฉยๆเพราะเข้าใจกระบวนการ แต่คราวนี้พูดตรงๆว่าเสียดายโอกาส เพราะดร.ทักษิณกับประธานาธิบดีทรัมป์มีสัมพันธภาพที่ดีกันมายาวนานตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักธุรกิจ หากได้เจอกันในสถานการณ์กำแพงภาษี
แม้ไม่มีวาระหารืออย่างเป็นทางการ แต่ก็น่าจะมีบทสนทนาไม่ว่าจะกับโดนัลด์ ทรัมป์เองหรือทีมงานที่เป็นประโยชน์ และนำมาขยายผลในกระบวนการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศได้ แน่นอนว่าเรื่องเจรจาเป็นความรับผิดชอบหลักของรัฐบาล
แต่สถานการณ์แบบนี้ใครมีศักยภาพจะช่วยบ้านเมืองได้ก็ต้องเอามาใช้ ไม่ใช่เพียงดร.ทักษิณ ใครก็ตามหากจะเป็นประโยชน์ต้องหาทางช่วยกัน การพูดคุยไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะทางการเสมอไป วงข้าว วงคุย วงดื่มสังสรรค์ หรือ วงนอกรอบใดๆก็ทำได้ อยากให้ดร.ทักษิณได้เจอกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย"










กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว