ไอซ์ รักชนก เปิดใจ ศาลยกฟ้องหมิ่น 2พิธีกร


ไอซ์ รักชนก เปิดใจ ศาลยกฟ้องหมิ่น 2พิธีกร


ไอซ์ รักชนก เปิดใจ หลังศาลยกฟ้องคดีหมิ่น 2 พิธีกรดัง เรียกค่าเสียหายคนละ 10 ล้าน ชี้เป็นการติชมโดยสุจริต ยันไม่คิดฟ้องกลับ อยากให้คำพิพากษาเป็นบรรทัดฐาน วิจารณ์ได้โดยสุจริต

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ม.ค.2567 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก (อดีตพิธีกรช่องท็อปนิวส์) และนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรช่องท็อปนิวส์ ยื่นฟ้องน.ส.รักชนก ศรีนอก สส. เขตบางบอน-หนองแขม พรรคก้าวไกล ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564 ขณะที่จำเลยร่วมชุมนุมทางการเมืองทำกิจกรรมที่หน้าศาลอาญา จำเลยได้พูดใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลที่สาม ด้วยการตะโกนพูดกับผู้สื่อข่าว ที่รายงานสดการชุมนุม หมายถึงโจทก์ทั้งสอง เป็นพิธีกร ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดกันเอง นำเสนอเฟกนิวส์ (ข่าวเป็นเท็จ) ทุกอย่าง ข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ ไม่เป็นความจริง

จากกรณีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อมวลชน ในม็อบ 6 มีนาคม 2564 ของกลุ่มรีเด็ม ที่หน้าศาลอาญา

ในวันนี้ จำเลย เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา

จากนั้น น.ส.รักชนก ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษาว่า
วันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลบอกว่าคำพูดอาจจะมีความหยาบคายอยู่บ้างแต่ว่าได้พิเคราะห์พิจารณาแล้วว่า เป็นการติชมโดยสุจริต

คดีนี้โจทก์ทั้ง 2 ได้เรียกค่าเสียหายคนละ 10 ล้านบาท ศาลก็พิพากษาว่าในเมื่อไม่มีความผิดทางอาญา ก็พิพากษาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายทางเเพ่ง

ส่วนที่ถามว่าเราเสื่อมเสียชื่อเสียงจากคดีนี้หรือไม่ ตนมองว่าเป็นการปิดปากมากกว่า ก่อนหน้านั้นเรายังไม่ได้เป็นสส. เราก็พูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เรียกร้องให้สื่อทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เพราะการที่เราจะรับรู้เรื่องเรื่องหนึ่งแล้วส่งต่อไปทั่วประเทศ สื่อคือตัวกลางสำคัญในการส่งต่อไปให้ประชาชน

สื่อมีความสำคัญต่อระบบประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก ถ้าสื่อไม่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่นำเสนอตรงไปตรงมาแล้วทำตัวเป็นสิ่งที่สร้างความชอบธรรมให้รัฐ สามารถใช้ความรุนแรงให้กับประชาชนได้ ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ปี 2553 หรือเหตุการณ์ปี 2563-64 ถ้าสื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตำรวจสามารถใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้ ประเทศนี้ประชาชนก็ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครแล้ว ถ้าสื่อไม่ทำหน้าที่นี้

ดังนั้น เรารู้สึกว่าในวันที่เราพูดไปแล้ว ก็ยืนยันว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต วันนี้ผลคำพิพากษาก็ออกมาตามนั้น อยากให้คำพิพากษาในคดีนี้ ได้ใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิพากษาคดีอื่นๆ ที่ประชาชนได้วิพากษ์วิจารณ์สื่อออกไป

น.ส.รักชนก กล่าวว่า
ตนคิดว่าในเมื่อสื่อมีพื้นที่มากมายในการนำเสนอข่าว และวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์บุคคลอย่างตรงไปตรงมา ก็ควรถูกตั้งคำถามแล้วก็วิจารณ์โดยสุจริตได้เช่นเดียวกัน ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกคนที่นำเสนอข่าวตรงไปตรงมา ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และขอให้ในอนาคต เรามีสังคมที่เป็นประชาธิปไตย มีเสรีภาพสื่อ จริงๆในด้านแรงงาน ภาคสื่อมวลชนทุกคนอยากให้ได้รับสวัสดิการที่มันดีขึ้น ตรงไปตรงมา มีกฎหมายที่คุ้มครองรองรับในวันที่เรียกว่าเราบาดเจ็บหรือว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าอย่างเรื่องเสรีภาพสื่อจะมีการไปเสนอญัตติอะไรในที่ประชุมสภาหรือไม่ น.ส.รักชนก กล่าวว่า
เราพยายามผลักดันเรื่องนี้ คงกลับไปวางแผนกันว่า เอาคดีนี้ไปต่อยอดให้เป็นแนวทางของคดีอื่นๆ หรือเอาไปเป็นวัตถุดิบที่เอาไปทำไรได้บ้าง

"ส่วนเรื่องฟ้องกลับ จริงๆ แล้วตั้งแต่เป็น สส.ก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่คงไม่ฟ้องประชาชน ไม่ฟ้องสื่อ ไม่อยากใช้วิธีการปิดปากที่รัฐทำกับประชาชน เราไม่อยากเข้ามามีอำนาจแล้วไปฟ้อง นอกจากคดีนี้กับคู่กรณีคดีอื่นก็ไม่มีเเล้ว และการที่ศาลยกฟ้องในวันนี้ก็ไม่กังวลแล้ว รู้สึกแล้วว่าโล่งอก เรารู้สึกว่าการมีคดีความต่างๆ ที่เป็นคดีฟ้องปิดปาก มันเป็นเหมือนแมลงหวี่ที่สร้างความรบกวน ทำให้เราพลาดภาระงาน เพื่อมานั่งฟังคำพิพากษา ก็รู้สึกโล่งใจก็ดีแล้วที่จะไม่ต้องมาศาลบ่อยๆ"

น.ส.รักชนก กล่าวว่า
คดีความตอนนี้ เหลือแค่การยื่นอุทธรณ์คดี 112 ขอบคุณศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ให้การดูแลตลอด รวมถึงกองทุนราษฎรฯ ที่เสนอจะมาประกันตัวให้ถ้าสมมติว่ามีคำพิพากษาออกมาไม่เป็นคุณ

ขอบคุณทนายทุกคนที่อยู่ในศูนย์ทนายสิทธิ์ที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนคนหนึ่งที่วันนั้นเราไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่ได้มีหน้าที่ ไม่มีทุนทรัพย์ต่อสู้คดี ทำให้เราได้รับความยุติธรรมได้ ขอบคุณทนายที่อยู่กับเรามาตลอดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ประชาชนที่ไม่มีทางสู้มาตลอดคดีนี้สู้กันมาตั้งเเต่ปี 63


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์