สมศักดิ์ ชี้แจงรับ ทักษิณ เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่


สมศักดิ์ ชี้แจงรับ ทักษิณ เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.2566 ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวของกรมราชทัณฑ์ ที่มีชื่อตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องในกรณีออกกฎกระทรวงปี 2563 ว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 เป็นกฎหมายที่ออกมาในช่วงของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็น สส.

หลัเลือกตั้งในปี 2562 ตนเข้ามาเป็นรมว.ยุติธรรม โดยได้ออกกฎกระทรวง มาตรา 33 เรื่องการจำแนก พฤติกรรม การรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ในปี 2563 ต่อมามีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุยชนได้เข้ามาหาตน เพื่อขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำ ทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหา ที่ไม่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ



ตนก็เห็นด้วย จึงให้ปลัดกระทรวง และคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่อง ตนก็ลาออกจากรมว.ยุติธรรม และได้มาเห็นการทำระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาช่วงนี้ และมีการกล่าวถึงตน

ยิ่งตนมีฐานะเป็นวิปด้วย ทำให้มีหลายคนเข้ามาถาม ซึ่งวิปก็ยอมรับว่า ในช่วงที่มีการออกฎหมายเป็นกฎหมายที่ดี จึงขอให้ตนมาช่วยชี้แจง และทำความเข้าใจต่อสาธารณะ ในส่วนที่จะเข้าสู่กระบวนการการคัดแยกให้เป็นสากลขึ้น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะส่งผลให้เอื้อประโยชน์กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่นั้น ตนก็ชี้แจงไปว่าไม่ใช่ เป็นกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในกรอบสากล ฉะนั้น การจำแนกผู้ต้องขัง และมีที่คุมขังนอกเรือนจำนั้น เป็นการดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายนี้ก็อนุญาตให้ดำเนินการในลักษณะนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการอย่างครบถ้วน ตามเกณฑ์ แต่การจำคุกที่มีโทษร้ายแรง จะไม่ถูกนำมาจำแนก

เรื่องนี้เป็นการทำความเข้าใจ ขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่มีตัวอย่างในกรณีของอดีตนายกฯ ที่อยู่ในการคุมขัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอธิบายเรื่องทัณฑวิทยา ซึ่งตนยินดีที่จะตอบคำถามในส่วนที่ยังขัดกับความรู้สึกของประชาชน และยังมีประเด็นไหนที่น่าจะต้องปรับแก้ให้ชัดเจน ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมอยู่ด้วยนั้น ก็ไม่ได้ไปล้วงลูก แต่ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมาให้เห็น



เมื่อถามว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เข้าเกณฑ์ เท่าที่ดูคือมีโทษไม่เกิน 4 ปี และไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงอยู่ในที่คุมขังได้ และเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า 1 ปี

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายสมศักดิ์ ได้เข้าพรรคเพื่อไทย เพราะเอื้อประโยชน์กันในส่วนนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "ไม่ใช่ ถ้าผมคิดว่าจะต้องเข้าพรรคเพื่อไทย ผมคงทำให้เสร็จในตอนนั้นไปแล้ว แต่ผมไม่ได้คิด มันเป็นไปตามครรลอง เป็นพัฒนาการของกฎหมายจากปี 2560 ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหน แต่กฎหมายมันพัฒนาไปเข้าสู่ความเป็นสากล"

นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า นี่คือพัฒนาการของกฎหาย และเป็นโอกาสของประเทศ โชคดีที่มีกรณีสำคัญตรงนี้ที่ทำให้คนสนใจ และได้ออกมาอธิบาย แต่เมื่อตนเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง จึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การบริหารโทษทางอาญามี 5 ประเภท แต่กรมราชทัณฑ์มี 2 ประเภท คือประหารชีวิต และการจำคุก ซึ่งการจำคุกนี้ ไม่ได้สงวนไว้แค่ในเรือนจำเท่านั้น ขณะนี้เท่าที่ทราบในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นทางการ มีกลุ่มคนที่มีโทษน้อยกว่า 4 ปี จำนวน 10,000 กว่าคน ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่พ้องต้องกัน

"โชคดีที่ได้เอาเคสนี้มาอธิบายต่อสาธารณะ เพราะมีวีไอพีอยู่ตรงนี้ทำให้คนสนใจติดตาม แต่ไม่ได้ทำเฉพาะกรณีนี้ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์" นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายทักษิณ ที่จะครบ 120 วันนั้น อยู่ในความเห็นของแพทย์ และอำนาจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และจากสถิติของเดือนนี้ ก็มีผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 30 วันเป็นจำนวนมากเกือบ 150 คน ไม่ใช่แค่ 1-2 คน ในอดีตก็มีมาก แต่ไม่ได้เปิดเผย นายทักษิณเป็นคนที่สาธารณะให้ความสนใจ ถ้ามีผู้ที่อธิบายเรื่องดังกล่าวให้สังคมเข้าใจ สังคมจะยอมรับและเดินหน้าต่อไปได้



เมื่อถามว่า นายทักษิณมีสุขภาพดีตอนที่อยู่ต่างประเทศ แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยกลับป่วย ถือว่าแปลกหรือไม่ นายสมศักดิ์ ย้อนถามว่า "ก็น้องไม่เคยถูกจองจำ น้องลองไปสักสองสามวัน ชีวิตมันเครียดนะ เราเสียอิสรภาพหรือสิ่งต่างๆ ที่เราเคย ลองเข้าไปนอนสักคืนสองคืน นอนไม่หลับ คนอายุมากความดันขึ้น ป่วย"

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทางผบ.เรือนจำ และอธิบดีก็มองว่ามีความเสี่ยง เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้วจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และเพื่อไม่ให้ตนเองต้องรับผิดชอบด้วย ใครไม่เคยไปนอนคุก ไม่เคยถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืน จะพบว่าความเครียดเป็นต้นกำเนิดของโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย

นายสมศักดิ์ ได้ยกตัวอย่างว่าโรคเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคอื่น เช่นโรคเบาหวาน ความดันเข้ามารุมเร้า พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าเคยเป็นหวัดภูมิแพ้หรือไม่นอนไม่หลับสองคืนก็จะป่วยหนัก ตนก็เป็นเช่นกัน เดี๋ยวนี้โรคภัยไข้เจ็บเยอะ ยิ่งคนที่อยู่ในเรือนจำเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ

เมื่อถามว่าจะเปิดเผยชื่อโรคที่นายทักษิณป่วยได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ตนเพียงแค่มาพูดในทางวิชาการ



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์