ชวน ยอมรับ! พรรค ล็อบบี้เลือกหัวหน้า หวัง ‘อภิสิทธิ์’ กลับมา

วันที่ 10 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ของ พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ ว่า

ยอมรับ ว่าเสียดายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสาธิต ปิตุเตชะ ที่ลาออกไป แต่ตนไม่ทราบว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ จะลาออก ทราบเพียงที่เขาบอกว่าจะไม่มาประชุมเท่านั้น จึงได้ถามว่าเป็นเพราะเหตุใด และได้รับคำตอบกลับมาว่าเขาล็อกไว้หมดแล้ว มาก็ไม่มีประโยชน์ จึงขอร้องให้มาประชุม เขาจึงยอมมา

การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ มีการล็อบบี้เอาไว้ก่อน ?
นายชวน กล่าวว่า คงเป็นอย่างนั้น ความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นผู้ใหญ่ พูดตรงไปตรงมาในที่ประชุมว่า การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ แล้วแต่เลขาฯ พรรคสั่งมา เพราะเลขาฯ ดูแลมา 4 ปี ฉะนั้นแล้วแต่ท่านสั่ง

หลายคนก็พูดแบบนี้ ไม่เฉพาะผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะเป็น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน แม้จะเป็นคนอื่น หากถ้าเลขาฯ เป็นคนสนับสนุน คนนั้นก็ชนะ และเมื่อนายเฉลิมชัย ยอมผิดคำพูดมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง ตนจึงได้พูดว่าอย่าให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่ ความคิดที่ดิ้นรนอยากเป็นรัฐบาล ไปร่วมกับเขาไม่ควรเกิดขึ้น

สิ่งที่เป็นห่วงคือ อุดมการณ์ของพรรค ที่ประกาศมา 78 ปี คือ เรื่องการเมืองบริสุทธิ์ และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่ย้ำตลอดมาว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เพราะอยู่มานาน แต่คนรุ่นก่อน หัวหน้าพรรคทุกคนทำหน้าที่ด้วยความซื่อตรง สุจริต จึงทำให้พรรคได้รับการยอมรับจากประชาชน

"ดังนั้น ต้องรักษาสิ่งนี้ไว้ ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ยืนยันเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตในที่ประชุม จึงขอฝากกรรมการบริหารพรรค ที่พะวงเรื่องพวกนี้ให้ช่วยกันดูแล เพราะช่วงที่ผ่านมามีข่าวลืออยู่ไม่น้อยเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปดูแลในรัฐบาล" นายชวน กล่าว

ส่วน กก.บห. ชุดใหม่ เป็นรุ่นใหม่จะสามารถทำงานร่วมกับคนรุ่นเก่าในพรรคได้หรือไม่นั้น

 นายชวน กล่าวว่า ไม่มีคนรุ่นใหม่รุ่นเก่า เพราะการบริหารพรรค มีกติกา และ กก.บห. มีความสำคัญมีความสำคัญที่จะนำพรรคไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลว ยอมรับว่า กก.บห. ชุดที่ผ่านมา โดยการนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน เนื่องจากที่ได้เป็นหัวหน้า เพราะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และตน ช่วยสนับสนุน

แต่ 4 ปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้ได้นำพรรคไปสู่จุดหนึ่ง จนทุกคนเป็นห่วงว่าต่อจากนี้จะตกต่ำมากกว่านี้หรือไม่ ถามว่ามีหรือที่จะต่ำกว่านี้ เพราะครั้งนี้ได้ สส.บัญชีรายชื่อ แค่ 3 คน ในอนาคตจะดีหรือชั่วอย่างไร ไม่ควรจะต่ำกว่า 3 คน ผลครั้งนี้ก็มาจากกรรมการบริหารชุดที่แล้ว จึงหวังว่าในอนาคตต้องฝากว่าขอให้ยึดอุดมการณ์พรรคเอาไว้ ถึงแม้จะไว้วางใจได้ไม่เต็มที่ก็ตาม ขอฝากกรรมการบริหารพรรคบางคนที่ยังรักและหวงพรรคอยู่ ให้ช่วยกันดูแล อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากิน

บทบาทในพรรคต่อจากนี้ จะเป็นอย่างไร
นายชวน กล่าวว่า จะพยายามช่วยประคับประคอง สนับสนุนสิ่งดีให้พรรค การที่ตัดสินใจสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะคิดว่าสถานการณ์เป็นช่วงเวลาที่จำเป็น จะต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับพอสมควร นายอภิสิทธิ์ไม่ด้อยไปกว่าใคร ถ้าขี้โม้ก็จะบอกว่าเหนือกว่าคนอื่น ย้ำว่าไม่ด้อยกว่าใคร แล้วยังมีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถที่จะนำพาพรรคในช่วงเวลาแบบนี้ให้พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิม และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้ แต่ไม่คิดว่าจะลาออก เมื่อเป็นเช่นนี้ขอให้กำลังใจว่าอย่าเพิ่งวางมือ เพราะยังมีเวลาอยู่

"หัวหน้าพรรคควรได้มาด้วยการแข่งขัน ไม่ใช่ได้มาตามโพย ผมพยายามเสนอแนะในทางที่ดี แต่เขาไม่เอาแนวทางที่เราเสนอด้วยความปรารถนาดี การแข่งขันไม่ได้แตกแยกเสมอไป ทั้งนี้ อยากเห็นมาดามเดียร์อยู่ต่อไป เพราะอายุยังน้อย ยังมีอนาคต" นายชวน กล่าว

ตลอดมาตนเป็นสมาชิกพรรค มีสิทธิในฐานะสมาชิกคนหนึ่งที่จะให้ความเห็นในทางเป็นประโยชน์ เมื่อเห็นมีการฝืนมติพรรค ทั้งที่เวลา 77 ปี ของพรรคไม่เคยมีมาก่อน ที่สมาชิกจะไปฝืนมติพรรคกลางสภา ไปรับรองนายเศษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งที่คนเสนอไม่ใหhรับ คือตัวเขาเอง คือพล.ต.ต.สุรินทร์ ที่เสนอในที่ประชุมพรรคว่าไม่ควรรับนายเศรษฐา เพราะเราไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่คนเหล่านี้กลับคำตัวเอง กรรมการบริหารชุดต่อไปจึงต้องพิจารณาด้วย

ยังจะอยู่กับ พรรคประชาธิปัตย์ ต่อหรือไม่?
"ผมไม่ไปไหนหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องอยู่ เพราะเป็นหนี้บุญคุณพรรค พรรคนี้ให้โอกาสโดยไม่สนใจว่า ฐานะ ตระกูลมาอย่างไร ถ้าแสดงตัวว่าคนนี้ดีพอเป็นหัวหน้าพรรคได้ เขาก็เลือก นี่คือสิ่งที่ผ่านมา ดังนั้น บุญคุณอันนี้ใช้ไม่หมด ผมต้องตอบแทนบุญคุณในช่วงปลายชีวิตการเมือง" นายชวน กล่าว

เครดิตแหล่งข้อมูล : PPTVHD36