มาดามเดียร์ น้ำตาซึม! ตกรอบนั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง มาดามเดียร์ น้ำตาซึม! ตกรอบนั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อเวลา 12.10 น. น.ส.วทันยา บุนนาค ในฐานะผู้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9
ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีการแก้ไขข้อบังคังพรรค ว่าด้วยเรื่องผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต้องสังกัดพรรคไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเสียงจากที่ประชุมรับรองไม่ถึง 3 ใน 4 ว่า ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้รับรองชื่อของตนเอง ในการลงรับสมัครเลือกหัวหน้าพรรค และสมาชิกทั้ง 136 คน ที่โหวตเห็นชอบให้ยกเว้นข้อบังคับด้านคุณสมบัติให้กันตนเอง
พร้อมย้ำถึงจุดเริ่มต้น ความตั้งใจในการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แม้จะพึ่งเข้ามาทำงานกับพรรคไม่นาน แต่ด้วยมีอุดมการณ์และความหวังเชื่อมั่นศรัทธาของพรรค วันที่พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งได้ สส. เพียง 25 คน ก็เป็นสิ่งที่สมาชิกพรรครู้สึกหวาดหวั่นและกลัวว่า อนาคตต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนทาง 2 แพ่ง ทางหนึ่งคือการเข้าสู่อำนาจโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ ที่วันหนึ่งเมื่อไม่มีจะให้ หรือให้สักเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ทำได้เพียงหวังว่า ประชาชนจะให้โอกาสอีกครั้ง และการใช้อุดมการณ์ทางจิตวิญญาณของพรรค ในการซื่อตรงกับประชาชน ในการยึดหลักความถูกต้องเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหนทางที่พรรคประชาธิปัตย์ทำสำเร็จ และได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนมาตลอด 77 ปี
แม้ตัวเองจะเพิ่งเข้าพรรค แต่ก็ได้ทบทวนแล้วว่า สิ่งที่พรรคเคยทำสำเร็จ และความผิดพลาดที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาโครงสร้างพรรค หรือการทำงานภายในพรรค แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ไม่สามารถสร้างอุดมการณ์ หรือจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เพื่อเป็นความหวัง เป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ และสิ่งที่ตัวเองกลัวที่สุดก็คือ วันที่พรรคกำลังยืนอยู่ทาง 2 แพ่งนี้ว่า ประชาธิปัตย์จะสามารถฟื้นฟูอุดมการณ์ได้สำเร็จ หรือกำลังจะเปลี่ยนไป
ส่วนตัวจึงตัดสินใจลงมือทำเพราะเชื่อว่า ทางรอดทางเดียวคือการรื้อฟื้นจิตวิญญาณ การสวมจิตวิญญาณของพรรคที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ วิถีทางที่บริสุทธิ์เหมือนในอดีต เช่น หัวหน้าพรรคทั้ง 8 คนก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่า สื่งที่เกิดขึ้นวันนี้ถือเป็นระบบอุปถัมภ์หรือไม่
น.ส. วทันยา ระบุว่า ขอไม่ตัดสิน แต่ขอเชื่อว่าทางเดียวที่จะเป็นทางรอดของพรรค คือการรื้อฟื้นอุดมการณ์เท่านั้น และหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น และหวังว่าสมาชิกก็จะเห็นเช่นเดียวก้น
"แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่หวังว่าประชาชนจะหันกลับมาศรัทธาในพรรคอีกครั้งหนึ่ง วันนี้แสงแห่งความหวัง ความเปลี่ยนแปลงมันจะไม่เกิดขึ้น แล้วพรรคจะหวังแสงแห่งศรัทธาของประชาชนให้กลับคืนมาได้อย่างไร"
ส่วนทิศทางการทำงานหลังจากนี้
น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจ แต่ขอประเมินทบทวนและรอดูทิศทางของพรรคต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าจะต้องทำงานกับพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หากอุดมการณ์ไม่ตรงกันแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าสมควรทำงานกับพรรคต่อหรือไม่ ส่วนจะใช้ระยะเวลาอีกกี่วันยังไม่รู้ แต่เมื่อถึงเวลาก็คงจะมีสัญญาณที่จะบอกว่าไม่ใช่แล้ว
น.ส.วทันยา กล่าวทิ้งท้ายว่า โดยหลังจากนี้จะไม่ขอร้บตำแหน่งใดๆ ภายในพรรคอีกแล้ว แต่ก็ยังทำงานขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ส่วนกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรค ช่วงนี้จะของดเว้นไปก่อน จะพิจารณาอีกครั้ง
ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีการแก้ไขข้อบังคังพรรค ว่าด้วยเรื่องผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต้องสังกัดพรรคไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเสียงจากที่ประชุมรับรองไม่ถึง 3 ใน 4 ว่า ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้รับรองชื่อของตนเอง ในการลงรับสมัครเลือกหัวหน้าพรรค และสมาชิกทั้ง 136 คน ที่โหวตเห็นชอบให้ยกเว้นข้อบังคับด้านคุณสมบัติให้กันตนเอง
พร้อมย้ำถึงจุดเริ่มต้น ความตั้งใจในการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แม้จะพึ่งเข้ามาทำงานกับพรรคไม่นาน แต่ด้วยมีอุดมการณ์และความหวังเชื่อมั่นศรัทธาของพรรค วันที่พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งได้ สส. เพียง 25 คน ก็เป็นสิ่งที่สมาชิกพรรครู้สึกหวาดหวั่นและกลัวว่า อนาคตต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนทาง 2 แพ่ง ทางหนึ่งคือการเข้าสู่อำนาจโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ ที่วันหนึ่งเมื่อไม่มีจะให้ หรือให้สักเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ทำได้เพียงหวังว่า ประชาชนจะให้โอกาสอีกครั้ง และการใช้อุดมการณ์ทางจิตวิญญาณของพรรค ในการซื่อตรงกับประชาชน ในการยึดหลักความถูกต้องเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหนทางที่พรรคประชาธิปัตย์ทำสำเร็จ และได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนมาตลอด 77 ปี
แม้ตัวเองจะเพิ่งเข้าพรรค แต่ก็ได้ทบทวนแล้วว่า สิ่งที่พรรคเคยทำสำเร็จ และความผิดพลาดที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาโครงสร้างพรรค หรือการทำงานภายในพรรค แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ไม่สามารถสร้างอุดมการณ์ หรือจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เพื่อเป็นความหวัง เป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ และสิ่งที่ตัวเองกลัวที่สุดก็คือ วันที่พรรคกำลังยืนอยู่ทาง 2 แพ่งนี้ว่า ประชาธิปัตย์จะสามารถฟื้นฟูอุดมการณ์ได้สำเร็จ หรือกำลังจะเปลี่ยนไป
ส่วนตัวจึงตัดสินใจลงมือทำเพราะเชื่อว่า ทางรอดทางเดียวคือการรื้อฟื้นจิตวิญญาณ การสวมจิตวิญญาณของพรรคที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ วิถีทางที่บริสุทธิ์เหมือนในอดีต เช่น หัวหน้าพรรคทั้ง 8 คนก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่า สื่งที่เกิดขึ้นวันนี้ถือเป็นระบบอุปถัมภ์หรือไม่
น.ส. วทันยา ระบุว่า ขอไม่ตัดสิน แต่ขอเชื่อว่าทางเดียวที่จะเป็นทางรอดของพรรค คือการรื้อฟื้นอุดมการณ์เท่านั้น และหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น และหวังว่าสมาชิกก็จะเห็นเช่นเดียวก้น
"แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่หวังว่าประชาชนจะหันกลับมาศรัทธาในพรรคอีกครั้งหนึ่ง วันนี้แสงแห่งความหวัง ความเปลี่ยนแปลงมันจะไม่เกิดขึ้น แล้วพรรคจะหวังแสงแห่งศรัทธาของประชาชนให้กลับคืนมาได้อย่างไร"
ส่วนทิศทางการทำงานหลังจากนี้
น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจ แต่ขอประเมินทบทวนและรอดูทิศทางของพรรคต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าจะต้องทำงานกับพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หากอุดมการณ์ไม่ตรงกันแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าสมควรทำงานกับพรรคต่อหรือไม่ ส่วนจะใช้ระยะเวลาอีกกี่วันยังไม่รู้ แต่เมื่อถึงเวลาก็คงจะมีสัญญาณที่จะบอกว่าไม่ใช่แล้ว
น.ส.วทันยา กล่าวทิ้งท้ายว่า โดยหลังจากนี้จะไม่ขอร้บตำแหน่งใดๆ ภายในพรรคอีกแล้ว แต่ก็ยังทำงานขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ส่วนกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรค ช่วงนี้จะของดเว้นไปก่อน จะพิจารณาอีกครั้ง
เครดิตแหล่งข้อมูล :PPTVHD36
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!