ไอติม แจง 3 ข้อต้องแก้ ม.112 ชี้โอกาสดีคืนความปกติให้ประเทศ
ซึ่งเจตนาของพรรคก้าวไกลที่เสนอให้แก้มาตรา 112 เพื่อพยายามจะพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน ภายใต้บริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และภายใต้หลักการของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
1.เรื่องขอบเขตการบังคับใช้ ซึ่งมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีโทษ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย แต่ข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งมีหลายกรณีที่ถูกตัดสินตามมาตรา 112 ที่ดูด้วยสามัญสำนึกไม่น่าจะเข้าข่าย
ดังนั้นหากเราจะแก้ไขปัญหานี้ พรรคก้าวไกลจึงเสนอว่าจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เขียนขอบเขตการบังคับใช้ให้มีความชัดเจนขึ้น โดยแยกแยะการแสดงออกโดยสุจริต ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะกระทำได้ในประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย กับการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้าย ซึ่งเป็นฐานความผิดทางกฎหมาย
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า 2.ปรับอัตราโทษในมาตรา 112 ให้ได้สัดส่วนมากขึ้นจากฐานความผิด ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนตนว่าการกำหนดโทษสูงถึงจำคุก 3-15 ปี เท่ากับการฆ่าคนโดยไม่เจตนานั้นเป็นโทษที่ไม่ได้สัดส่วนกับฐานความผิดหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
3.การจำกัดสิทธิในการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันการเปิดให้ ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการร้องทุกข์นั้นเป็นการเปิดช่องให้กฎหมายดังกล่าวที่มีเจตนาคุ้มครองประมุข กับถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ไม่ส่งผลดีต่อสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะของพระมหากษัตริย์
"ผมจึงต้องขอชวนสมาชิกรัฐสภาทุกคนมาตั้งสติร่วมกันว่าคำถามที่สำคัญในวันนี้คือถามว่าอะไร สำหรับผมคำถามที่สำคัญต่อสมาชิกรัฐสภามาที่สุดในวันนี้ไม่ใช่คำถามว่าพวกเรา 750 คนมีความคิดเห็นอย่างไร กับคุณสมบัติของคุณพิธา ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือมีความคิดเห็นอย่างไรกับนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่คำถามที่สำคัญที่สุดต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาทุกท่านในวันนี้คือ พวกเรา 750 คนนั้นพร้อมจะเคราพเสียงของประชาชน 40 ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วออกมาให้คำตอบกับคำถามดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พ.ค.หรือไม่
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ข่าวร้ายของประเทศไทยคือไม่ได้อยู่ในภาวะการเมืองที่ปกติ และความไม่ปกตินี้มีต้นกำหนดส่วนหนึ่งมาจากมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯได้ และเมื่อมาตราดังกล่าวอยู่มาถึงทุกวันนี้เราจะร่วมกันกำจัดความไม่ปกติที่สืบทอดมาจากอดีตเพื่อคืนความปกติให้ประเทศไทยเดินไปสู่อนาคตได้อย่างไร และไม่ได้คาดหวังว่าพรรคการเมืองอีกซีกหนึ่งจะยกมือให้ นายพิธา แต่ในเมื่อเราอยู่ในภาวะการเมืองไม่ปกติ จึงคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้สังคมเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือความคิดเห็นที่แตกต่างคือจุดมุ่งหมายที่เรามีร่วมกันในการคืนความปกติให้กับสังคมไทยและเคารพเสียงประชาชน
ส่วน ส.ว.ทุกคน ตนก็เคารพว่าอาจจะมีความคิดเห็นส่วนตัวไม่ไว้วางใจพรรคก้าวไกลหรือนายพิธา แต่ขอย้ำว่าหากท่านมีความประสงค์จะคืนความเป็นปกติและเคารพเสียงของประชาชน ทางออกคือไม่ใช่การงดออกเสียงหรือการไม่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ แต่หากต้องการคืนความปกติทางการเมืองจริง ทางออกของท่านคือให้ความเห็นชอบนายพิธา เป็นนายกฯ