เอาอีกแล้ว! ศรีสุวรรณ ยื่น กกต.สอบ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของ กก.บห. พรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คน และสั่งให้ยุติการไปจดแจ้งการตั้งพรรคใหม่หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ทั้ง 3 คนก็ไปก่อตั้งคณะก้าวหน้า และมูลนิธิคณะก้าวหน้า โดยใช้สถานที่ทำการเดียวกันกับพรรคก้าวไกล บริเวณถนนรามคำแหง
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ก็เคลื่อนไหวการขับเคลื่อนการกระจายอำนาจเลือกตั้งท้องถิ่น และมีการล่ารายชื่อประชาชน 50,000 ชื่อ เพื่อผลักดันแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญการกระจายอำนาจ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ได้สอดรับกับเรื่องดังกล่าวด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติกรรมต่างๆ ที่ตนพูดมานั้น ทั้ง 3 คนเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงนโยบายและการขับเคลื่อน และล่าสุดการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลก็เข้าร่วมด้วย ดังนั้น พฤติกรรมของทั้ง 3 คน อาจเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นข้อห้ามตามมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งทางสมาคมเห็นว่าก่อนหน้านี้นายธนาธร ได้ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง โดยกล่าวว่าตนเองได้สั่งการให้ ส.ส.ในพรรคก้าวไกล ไปหาเสียงสนับสนุนผลักดันพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าด้วย ชี้ให้เห็นว่านายธนาธรได้เข้ามาครอบงำ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้นำคลิปวิดีโอและถอดเทปรายการดังกล่าว โดยเราทำให้เห็นว่าทั้ง 3 คนไม่ได้ตัดขาดกับพรรคก้าวไกลเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ต้องให้กกต.ไต่สวนสอบสวนว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายมาตรา 28 หรือไม่ ส่วนมาตรา 29 ที่ระบุว่าห้ามมิให้พรรคการเมืองใดให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกของพรรคเข้ามาชี้นำ ถ้ากกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายมาตรา 28 ดังนั้นมาตรา 29 ก็จะตามมาต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งมาตรานี้มีบทลงโทษค่อนข้างรุนแรง ถ้ากกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายเหมือนกันก็เป็นเหตุที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้
"อยากฝากถึงคนที่ทำร้ายผมว่า กฎหมายก็คือกฎหมาย เมื่อคิดจะทำร้ายผมก็ต้องยอมรับผลของกฎหมาย และผมก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว อย่ามาร้องห่มร้องไห้ตีหน้าเศร้าขอรับเงินบริจาคก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นจะเจอคดีที่ 3 ตามมา เพราะเรื่องแบบนี้ผมไม่ยอมอยู่แล้ว กล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับผิด เป็นลูกผู้ชายอย่าทำตัวเหมือนคุณหนู" นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่าทำไมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึงไม่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จริงๆ นายพิธา เหมาะที่จะเป็นนายกฯ เป็นคนหนุ่มไฟแรง อายุแค่ 42 ปี แต่นโยบายของพรรคก้าวไกล บางนโยบายยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย โดยเฉพาะการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งนายพิธาก็ยังยืนหยัดอยู่ แม้ว่าความเหมาะสมจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราต้องมองในเรื่องของนโยบายที่มันจะส่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งของสังคม
เมื่อถามว่ากลัวถูกทำร้ายอีกหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้ากลัวปากแตก ศรีสุวรรณจะมายืนตรงนี้ทำไม เราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปไม่มีใครมาหยุดยั้งการกระทำของศรีสุวรรณได้ ยืนยันว่าไม่กลัว และจะทำให้หนักมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่าอาการที่ถูกชกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาจนปากแตกหายหรือยัง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตอนนี้กินน้ำพริกได้แล้ว พร้อมเปิดหน้ากากอนามัยโชว์สื่อมวลชนและบอกว่า "หล่อแล้วๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณยังได้เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณีนายสมชาย แสวงการ ออกมาโพสต์คลิปทักษิณ สั่งส.ส.โอนเงินซื้อสิทธิ ขายเสียงเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์
ทั้งนี้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อได้มีการ์ดจำนวนหนึ่งมายืนเฝ้าดูแลความปลอดภัย และจากเดิมมีการนัดหมายยื่นเรื่องเวลา 10.00 น. แต่ได้เลื่อนเวลา เพราะเวลาดังกล่าวมีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยก่อเหตุบุกทำร้าย เดินทางเข้ายื่นเรื่องคัดค้านนายศรีสุวรรณ