พิธา ประกาศพร้อมเป็นนายกฯของคนทุกวัย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยในเวทีใหญ่ครั้งสุดท้ายที่อาคารกีฬาเวสน์ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ล้นไปโซนอาคารกีฬาเวสน์ 3 โดยนางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียง ประกาศบนเวทีว่ามีผู้มาร่วมงานจำนวน 50,000 คน ถือว่ามากที่สุดเท่าที่พรรคเคยจัดเวทีปราศรัย
โดยทันทีที่นายพิธา สวมสูท เดินทางเข้ามาที่หอประชุม มีกลุ่มกองเชียร์เข้ามาสวมกอด ตะโกนเชียร์ ขอจับมือ จากนั้นนายพิธาได้ขึ้นเวที พร้อมกับโค้งคำนับ 1 ครั้ง พร้อมกล่าวว่าเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน อีก 2 วัน พวกเราทุกคนจะร่วมกันขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม และวันนี้ตนพร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน
"เรามารวมกันในวันนี้ เพราะมีความฝันเหมือนกัน ที่นี่คือสถานที่ที่การเดินทางของเราเริ่มต้นเมื่อ 4 ปีก่อน และความหวังของเรายังเข้มข้นขึ้น คนที่ทำให้เรามีความหวังร่วมกันได้ คือเพื่อนรักของผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วาณิช เราจะเดินหน้าทำความฝันของเราให้เป็นจริง และรอคอยวันที่ทุกคนกลับมา ตนขอทำตามสัญญาเป็นนายก 2 สมัยก็พอ
นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่หลายคนไม่รู้ว่าความฝันที่เรามารวมกันและหลากหลาย มันคืออากาศที่เราหายใจ เป็นเรื่องดิน น้ำ ลมไฟ รัฐบาลจะดูแลคุณมากกว่าแค่ไข่ต้มฟองเดียว ถ้าอยู่ในวัยเดียวกับตน ก็หวังว่าทุกอย่างจะจบในรุ่นเรา เราอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนเพื่อประชาชน ทุกจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าด้วยตัวเอง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คืนครูให้ห้องเรียน
จากประสบการณ์ทางการเมืองของตน ข้อจำกัดทางการเมืองใหญ่กว่าปัญหา ดังนั้น ผู้นำคนต่อไปจะต้องเป็นนายกฯที่พร้อมแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคตใหม่ด้วยกัน จะหยุดแช่แข็งประเทศไทยได้ นายกฯคนต่อไปต้องแก้ปัญหาเก่าที่ติดหล่มมาตลอด 17 ปี
โดยมี 2 ส่วนคือการยุติวงจรรัฐประหารชั่วนิรันดร โดยต้องทำ 3 อย่างคือปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว มีทหารมืออาชีพ หยุดแทรกแซงกิจการในประเทศ ต้องคืนศรัทธาให้ระบบรัฐสภาให้ประเทศ
นายพิธา ย้ำว่า มีหลายคนเคยเห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะไม่เชื่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่เชื่อมั่นระบบสภา แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราได้บทเรียนราคาแพงนี้แล้ว ประชาธิปไตยไม่มีทางลัด พอบอกว่าระบบใช้ไม่ได้ก็ใช้คนดีย์ มาแก้ ระบบจึงแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้นำคนต่อไปต้องพร้อมตัดวงจรรัฐประหารหรือศรัทธาให้ระบบรัฐสภาไทย สิ่งที่ต้องถามจังเองคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเราจะสร้างกำแพงหรือกังหันลม
นายพิธา กล่าวต่อว่า ในขณะที่เราปราศรัยมีน้องหยก เยาวชนอายุ 15 ปีถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ตนต้องการให้เราตั้งสติอย่างมีวุฒิภาวะ ว่าการกระทำของน้องหยกเหมาะสมหรือไม่ และตั้งคำถามกันชัดๆ ว่าสังคมกำลังสร้างกำแพงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือไม่ และยอมรับหนือไม่ว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังเผชิญเป็นมรดกตกทอดมาจากคนรุ่นเก่า ที่นำสถาบันมาโจมตีกันทางการเมือง ถ้าคนที่เห็นแล้ว เกลียดการกระทำของคนรุ่นใหม่ ต้องตั้งสติให้ดี ว่าเป็นเราคนรุ่นก่อน ดังนั้นนายกคนต่อไป ต้องเป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันดีขึ้น หลัง 14 พ.ค. เราจะร่วมกันวางอิฐก้อนแรกในการเปลี่ยนแปลง
"วันนี้ผมพร้อมเป็นนายกของคนไทยทุกคนในประเทศ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ผมก็ยังจะเป็นนายกของท่าน ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.ท่านจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมรับใช้ท่าน และผมจะฟังโดยเฉพาะคนเห็นต่างจากผม ... และผมจะเป็นนายกที่ดีขึ้นเพราะท่าน ดังนั้น 14 พฤษภา เข้าคู่หากาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เลือกอนาคต อย่าเลือกอดีต เลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว คำตอบสุดท้ายชัดเจน ตรงไปตรงมา ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน และมีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" นายพิธากล่าว
ระหว่างปราศรัย มีผู้สนับสนุนจะโกน "ส้มรักพ่อๆ "ทำให้นายพิธาตอบกลับทันทีว่า "พ่อก็รัก และพ่อก็รักฟ้า และพ่อก็รักประชาชน" เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอล์
ภายหลังการปราศรัย นายพิธาได้อุ้มน้องพิพิม ลูกสาว ที่มาให้กำลังใจในการปราศรัยขึ้นมาถ้ายรูปบนเวที ทำให้เหล่ากองเชียร์พากันกรี๊ดให้กำลังใจ
และหลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น ประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยได้มีการเปิดแฟลชเป็นรูปทะเลดาว เพื่อบันทึกภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่นายพิธา จะเดินไปพบประชาชนด้านนอกที่โซนสนามฟุตบอล
โดยทันทีที่นายพิธา สวมสูท เดินทางเข้ามาที่หอประชุม มีกลุ่มกองเชียร์เข้ามาสวมกอด ตะโกนเชียร์ ขอจับมือ จากนั้นนายพิธาได้ขึ้นเวที พร้อมกับโค้งคำนับ 1 ครั้ง พร้อมกล่าวว่าเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน อีก 2 วัน พวกเราทุกคนจะร่วมกันขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม และวันนี้ตนพร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน
"เรามารวมกันในวันนี้ เพราะมีความฝันเหมือนกัน ที่นี่คือสถานที่ที่การเดินทางของเราเริ่มต้นเมื่อ 4 ปีก่อน และความหวังของเรายังเข้มข้นขึ้น คนที่ทำให้เรามีความหวังร่วมกันได้ คือเพื่อนรักของผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วาณิช เราจะเดินหน้าทำความฝันของเราให้เป็นจริง และรอคอยวันที่ทุกคนกลับมา ตนขอทำตามสัญญาเป็นนายก 2 สมัยก็พอ
นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่หลายคนไม่รู้ว่าความฝันที่เรามารวมกันและหลากหลาย มันคืออากาศที่เราหายใจ เป็นเรื่องดิน น้ำ ลมไฟ รัฐบาลจะดูแลคุณมากกว่าแค่ไข่ต้มฟองเดียว ถ้าอยู่ในวัยเดียวกับตน ก็หวังว่าทุกอย่างจะจบในรุ่นเรา เราอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนเพื่อประชาชน ทุกจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าด้วยตัวเอง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คืนครูให้ห้องเรียน
จากประสบการณ์ทางการเมืองของตน ข้อจำกัดทางการเมืองใหญ่กว่าปัญหา ดังนั้น ผู้นำคนต่อไปจะต้องเป็นนายกฯที่พร้อมแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคตใหม่ด้วยกัน จะหยุดแช่แข็งประเทศไทยได้ นายกฯคนต่อไปต้องแก้ปัญหาเก่าที่ติดหล่มมาตลอด 17 ปี
โดยมี 2 ส่วนคือการยุติวงจรรัฐประหารชั่วนิรันดร โดยต้องทำ 3 อย่างคือปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว มีทหารมืออาชีพ หยุดแทรกแซงกิจการในประเทศ ต้องคืนศรัทธาให้ระบบรัฐสภาให้ประเทศ
นายพิธา ย้ำว่า มีหลายคนเคยเห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะไม่เชื่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่เชื่อมั่นระบบสภา แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราได้บทเรียนราคาแพงนี้แล้ว ประชาธิปไตยไม่มีทางลัด พอบอกว่าระบบใช้ไม่ได้ก็ใช้คนดีย์ มาแก้ ระบบจึงแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้นำคนต่อไปต้องพร้อมตัดวงจรรัฐประหารหรือศรัทธาให้ระบบรัฐสภาไทย สิ่งที่ต้องถามจังเองคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเราจะสร้างกำแพงหรือกังหันลม
นายพิธา กล่าวต่อว่า ในขณะที่เราปราศรัยมีน้องหยก เยาวชนอายุ 15 ปีถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ตนต้องการให้เราตั้งสติอย่างมีวุฒิภาวะ ว่าการกระทำของน้องหยกเหมาะสมหรือไม่ และตั้งคำถามกันชัดๆ ว่าสังคมกำลังสร้างกำแพงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือไม่ และยอมรับหนือไม่ว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังเผชิญเป็นมรดกตกทอดมาจากคนรุ่นเก่า ที่นำสถาบันมาโจมตีกันทางการเมือง ถ้าคนที่เห็นแล้ว เกลียดการกระทำของคนรุ่นใหม่ ต้องตั้งสติให้ดี ว่าเป็นเราคนรุ่นก่อน ดังนั้นนายกคนต่อไป ต้องเป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันดีขึ้น หลัง 14 พ.ค. เราจะร่วมกันวางอิฐก้อนแรกในการเปลี่ยนแปลง
"วันนี้ผมพร้อมเป็นนายกของคนไทยทุกคนในประเทศ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ผมก็ยังจะเป็นนายกของท่าน ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.ท่านจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมรับใช้ท่าน และผมจะฟังโดยเฉพาะคนเห็นต่างจากผม ... และผมจะเป็นนายกที่ดีขึ้นเพราะท่าน ดังนั้น 14 พฤษภา เข้าคู่หากาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เลือกอนาคต อย่าเลือกอดีต เลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว คำตอบสุดท้ายชัดเจน ตรงไปตรงมา ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน และมีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" นายพิธากล่าว
ระหว่างปราศรัย มีผู้สนับสนุนจะโกน "ส้มรักพ่อๆ "ทำให้นายพิธาตอบกลับทันทีว่า "พ่อก็รัก และพ่อก็รักฟ้า และพ่อก็รักประชาชน" เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอล์
ภายหลังการปราศรัย นายพิธาได้อุ้มน้องพิพิม ลูกสาว ที่มาให้กำลังใจในการปราศรัยขึ้นมาถ้ายรูปบนเวที ทำให้เหล่ากองเชียร์พากันกรี๊ดให้กำลังใจ
และหลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น ประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยได้มีการเปิดแฟลชเป็นรูปทะเลดาว เพื่อบันทึกภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่นายพิธา จะเดินไปพบประชาชนด้านนอกที่โซนสนามฟุตบอล
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!