เจ็บจี๊ด! เปิดฉายาสภาปี65 ใครคว้าดาวดับ-ครองดาวเด่น-วาทะเด็ด
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้งฉายาสะท้อนการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติตลอดปี 2565 ดังนี้
1."สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "3 วันหนี 4 วันล่ม" เนื่องจากการประชุมของ ส.ส.ตลอดปี 2565 ประสบแต่ปัญหาสภาล่มซ้ำซาก ตั้งแต่เริ่มศักราชใหม่จนส่งท้ายปี ทำให้การทำงานล่าช้า โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน มักเล่นเกมนับองค์ประชุม ทั้งที่ฝ่ายตนก็ขาดประชุม และส.ส.รัฐบาล ก็ไร้ความรับผิดชอบในการรักษาองค์ประชุมทั้งที่เป็นเสียงข้างมาก
มิหนำซ้ำช่วงท้ายวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ต่างหนีลงพื้นที่ หาเสียงก่อนเลือกตั้ง ละเลยการประชุม ซึ่งถือเป็นหน้าที่สำคัญ ด้วยเหตุเหล่านี้จึงเป็นที่มาของฉายาดังกล่าว
2."วุฒิสภา" ได้รับฉายา "ตรา ป." เพราะตลอดปี 2565 ส.ว.ยังคงทำหน้าที่รักษามรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในการลงมติพิจารณาเรื่องสำคัญแต่ละครั้ง ก็ไม่มีแตกแถว เพื่อประโยชน์ของ 2ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประวิตร
โดยเฉพาะในการแก้รัฐธรรมนูญ และปัจจุบัน ส.ว.ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุน ป.ประยุทธ์ และฝ่ายสนับสนุน ป.ประวิตร จนกระทั่งล่าสุด มีการเช็คชื่อแล้วว่า ส.ว.คนไหน จะสนับสนุน ป.ใด เป็นนายกรัฐมนตรี
7."ดาวดับ'65″ ได้แก่ "นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน โหนกระแสสังคม เพื่อหาพื้นที่ให้ตัวเอง ทั้งคดีนักแสดงสาว "แตงโม", การว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงของ "โตโน่"
รวมถึงกรณี "เรือหลวงสุโขทัยอับปาง" ล้วนแต่เป็นความพยายามหาซีนของ ส.ส.เต้ ทั้งที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง และมักแสดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกเรื่อง ทั้งที่ไม่ได้รู้จริง ดังนั้น แม้นายมงคลกิตติ์ จะพยายามหาแสงให้ตัวเองมากเพียงใด สุดท้ายก็เป็นเพียง "ดาวดับ" และตัวตลกสีสันการเมืองเท่านั้น
ท่ามกลางเสียงปรบมือของ ส.ส.อย่างชอบใจ ทั้งที่ตัวเองก็มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น การพูด และกระทำเช่นนี้ จึงไม่ควรเกิดขึ้นในองค์กรนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และการปฏิวัติ-รัฐประหาร ยังเป็นการกระทำที่ผิดครรลอง และทำลายระบอบประชาธิปไตยด้วย
9."เหตุการณ์แห่งปี" คือ "เกมพลิกสูตรหาร 100" โดยมีความพยายามของ ส.ส. และ ส.ว.ทำให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ทันกำหนดเวลา เพื่อพลิกสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากหาร 500 กลับไปเป็นสูตรหาร 100 ตามเดิม
ซึ่งเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐสภาทุ่มเทให้ความสำคัญ ใช้ช่องของรัฐธรรมนูญกับผลประโยชน์พรรคพวกตัวเอง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง โดยไม่ได้คำนึงว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์ใด ๆ
10.คู่กัดแห่งปี ได้แก่ "นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ" สมาชิกวุฒิสภา และ "นายรังสิมันต์ โรม" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ทั้งคู่ได้มาประชุมร่วมกัน หลายครั้งเกิดวิวาทะแบบไม่ลดลาวาศอก ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่
โดยเฉพาะประเด็นการกู้ยืมเงินกองทุน กยศ. ที่เริ่มต้นจากการอภิปรายของนายรังสิมันต์ มักพาดพิงที่มาของ ส.ว.บ่อย ๆ จนทำให้นายกิตติศักดิ์ ประท้วง และดึงเรื่องหนี้ กยศ. มาตอบโต้นายรังสิมันต์ ให้สำเหนียกตัวเอง เพราะไม่ยอมชำระหนี้ จนนายรังสิมันต์ โต้แย้งกลับว่า ได้ชำระหนี้ กยศ.จนครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้ การตั้งฉายาการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ ส.ส. และ ส.ว. เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาทุกปี ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว.อย่างใกล้ชิด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนขอเป็นกำลังใจให้ ส.ส. และ ส.ว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ ส.ส. และ ส.ว.ที่บกพร่องในการทำหน้าที่ ขอให้ทบทวน ปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชนต่อไป