ทนายกฤษฎางค์ เปิดใจหลังศาล รธน.ชี้ม็อบราษฎรล้มล้างการปกครอง
หลังจากที่เข้าไปรับฟังประมาณ 10 นาที และชี้แจงร้องขออ่านคำร้องขอปิดคดี รวมทั้งขอให้ศาลเบิกตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกร้องคดีมาร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัย แต่ศาลไม่อนุญาต
น.ส.ปนัสยา เปิดเผยว่า จำเป็นต้องออกมาจากห้องพิจารณาคดี เนื่องจากศาลไม่รับฟังการร้องขอของผู้ถูกร้อง อีกทั้งไม่มีการไต่สวนผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน และให้ฟังคำวินิจฉัย แม้ว่าจะร้องขอให้ไต่สวน พร้อมกับนำพยานมาร่วมไต่สวนก็ตาม
จากนั้นได้มาร่วมนั่งฟังการอ่านคำวินิจฉัยด้านหน้าเขตอำนาจศาล ภายหลังศาลวินิจฉัยว่าทั้ง 3 คน กระทำการล้มล้างการปกครอง
แม้ว่าศาลระบุว่าการพิจารณาไม่ใช่ระบบไต่สวนก็ตาม แต่ทางผู้ถูกร้องมีเอกสารพยานหลักฐาน และพยานบุคคลมาร่วมไต่สวน แต่ศาลระบุว่ามีหลักฐานเพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทั้ง 10 ข้อต่อไป เนื่องจากเป็นข้อเรียกร้องที่เห็นว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงภายใต้ระบอบประชาธิปไตยมากกว่าที่เป็นอยู่
และขอให้การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ บันทึกในประวัติศาสตร์ว่า หากมีผู้เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง
ทนายวอนสังคม-นานาชาติร่วมตรวจสอบคำวินิจฉัย
ส่วนพยานหลักฐานของผู้ร้อง มีเพียงการถอดคำปราศรัย โดยที่ฝั่งผู้ถูกร้องได้ยื่นคัดค้านและขอส่งพยานหลักฐาน รวมทั้งขอให้ไต่สวนพยาน 8 คน แต่ศาลไม่รับคำร้องดังกล่าว จึงไม่เห็นว่าพยานหลักฐานจะไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัยในวันนี้
สำหรับคำวินิจฉัยนี้ เรียกร้องให้สังคม และหน่วยงานนานาชาติให้ร่วมกันตรวจสอบถึงความชอบธรรมในการวินิจฉัย
ส่วนคดีนี้จะเกี่ยวพันกับการวินิจฉัยในคดีอาญาที่มีอยู่แล้วหรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โจทก์ในคดีอยู่แล้ว แต่ยังต้องรอติดตามในการพิจารณาคดีอาญาของกลุ่มนี้ต่อไป