มติเสียงข้างมากสั่ง ‘ปารีณา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กมธ.
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง มติเสียงข้างมากสั่ง ‘ปารีณา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กมธ.
ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา ‘ปารีณา' ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ 7 เม.ย.65 พร้อมมีมติเสียงข้างมากสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กมธ.ด้วย
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกและตรวจพยานหลักฐานคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นร้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม
โดยศาลกำหนดการไต่สวน ป.ป.ช.โจทก์ทั้งสิ้น 12 ปาก โดยกำหนดไต่สวนพยานโจทก์ในวันที่ 8, 22, 28 ก.พ.65 ขณะที่พยานของ น.ส.ปารีณา พยานผู้ถูกร้องมีทั้งหมด 10 ปาก กำหนดไต่สวน 1-3 มี.ค.65 และ 8-10 มี.ค.65 โดยวันนัดพยานให้พยานมาศาลตามนัดทุกนัด มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ติดใจในการให้ถ้อยคำ พร้อมนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 7 เม.ย.65 เวลา 10.30 น.
ทั้งนี้ ในการนัดพิจารณาคดีวันนี้ (9 พ.ย.) ป.ป.ช.ยังได้ยื่นคัดค้านการดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของ น.ส.ปารีณา เนื่องจากเห็นว่าศาลได้สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้ว ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นหน้าที่ของสภา การทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ดังนั้น เมื่อ น.ส.ปารีณาได้รับคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมาธิการได้
ส่วนกรณีที่ น.ส.ปารีณาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการยื่นคำร้องของ ป.ป.ช.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ผ่านมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น ศาลเห็นว่า มิใช่บทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ยกคำร้อง
ขณะที่ นายทิวา การกระสัง ทนายความของ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า กรณีที่ศาลระบุว่า น.ส.ปารีณาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการได้นั้น ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีศาลชี้ขาดว่าผู้ที่อยู่ระหว่างสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปเป็นกรรมาธิการไม่ได้ แต่กระบวนการแต่งตั้ง น.ส.ปารีณาเป็นกระบวนการโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีการเสนอชื่อผ่านสภาและได้รับความเห็นชอบ
โดย น.ส.ปารีณาไม่ได้เข้าไปเป็นเอง ดังนั้น จึงไม่ส่งผลทำให้งบประมาณรายจ่ายปี 2565 ต้องเป็นโมฆะและไม่ผูกพันใดๆ เป็นเพียงแค่การสร้างบรรทัดฐานใหม่เท่านั้น แต่หากมีข้อสงสัยในประเด็นนี้ ควรจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเพื่อความชัดเจน เพราะคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไม่ได้ผูกพันทุกองค์กรรวมถึงรัฐสภา
ขณะที่ น.ส.ปารีณายืนยันว่า เคารพการตัดสินใจของศาล ส่วนจะส่งผลต่อการหาเสียงเลือกตั้งที่ขณะนี้มีกระแสเรื่องการหาเสียงนั้น ยืนยันว่าไม่กังวล เพราะระหว่างที่ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ยังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกและตรวจพยานหลักฐานคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นร้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม
โดยศาลกำหนดการไต่สวน ป.ป.ช.โจทก์ทั้งสิ้น 12 ปาก โดยกำหนดไต่สวนพยานโจทก์ในวันที่ 8, 22, 28 ก.พ.65 ขณะที่พยานของ น.ส.ปารีณา พยานผู้ถูกร้องมีทั้งหมด 10 ปาก กำหนดไต่สวน 1-3 มี.ค.65 และ 8-10 มี.ค.65 โดยวันนัดพยานให้พยานมาศาลตามนัดทุกนัด มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ติดใจในการให้ถ้อยคำ พร้อมนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 7 เม.ย.65 เวลา 10.30 น.
ทั้งนี้ ในการนัดพิจารณาคดีวันนี้ (9 พ.ย.) ป.ป.ช.ยังได้ยื่นคัดค้านการดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของ น.ส.ปารีณา เนื่องจากเห็นว่าศาลได้สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้ว ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นหน้าที่ของสภา การทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ดังนั้น เมื่อ น.ส.ปารีณาได้รับคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมาธิการได้
ส่วนกรณีที่ น.ส.ปารีณาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการยื่นคำร้องของ ป.ป.ช.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ผ่านมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น ศาลเห็นว่า มิใช่บทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ยกคำร้อง
ขณะที่ นายทิวา การกระสัง ทนายความของ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า กรณีที่ศาลระบุว่า น.ส.ปารีณาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการได้นั้น ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีศาลชี้ขาดว่าผู้ที่อยู่ระหว่างสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปเป็นกรรมาธิการไม่ได้ แต่กระบวนการแต่งตั้ง น.ส.ปารีณาเป็นกระบวนการโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีการเสนอชื่อผ่านสภาและได้รับความเห็นชอบ
โดย น.ส.ปารีณาไม่ได้เข้าไปเป็นเอง ดังนั้น จึงไม่ส่งผลทำให้งบประมาณรายจ่ายปี 2565 ต้องเป็นโมฆะและไม่ผูกพันใดๆ เป็นเพียงแค่การสร้างบรรทัดฐานใหม่เท่านั้น แต่หากมีข้อสงสัยในประเด็นนี้ ควรจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเพื่อความชัดเจน เพราะคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไม่ได้ผูกพันทุกองค์กรรวมถึงรัฐสภา
ขณะที่ น.ส.ปารีณายืนยันว่า เคารพการตัดสินใจของศาล ส่วนจะส่งผลต่อการหาเสียงเลือกตั้งที่ขณะนี้มีกระแสเรื่องการหาเสียงนั้น ยืนยันว่าไม่กังวล เพราะระหว่างที่ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ยังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น