‘ประวิตร’ จบปัญหา พปชร. ‘ธรรมนัส’ นั่งเลขาฯ ต่อ
วันที่ 28 ต.ค. 2564 ที่ทำการพรรคประชารัฐ ถนนรัชดาภิเษก กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ได้ทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง และรองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะรองเลขาธิการพรรค นายจักรพันธ์ พรนิมิต ส.ส.กทม. นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรม นางประภาพร อัศวเหม นายสมศักดิ์ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี นายนิโรธ สุนธรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และนายพีระพันธ์ พันธุ์สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเข้าร่วมประชุมด้วยเป็นครั้งแรก
โดย ขบวนรถของ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาพร้อมกับ ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เมื่อเวลา 13.30 น.
พล.อ.ประวิตร กล่าวเพียงสั้นๆ กรณีข่าวว่า จะลาออกหากปัญหาไม่ยุติว่า "ที่ไหนว่ะ" จากนั้นได้เดินเข้าลิฟท์เพื่อไปประชุมทันทีขณะที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเลขาธิการพรรค ยังเป็นคนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคเมื่อไหร่ ต้องรอจนกว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วแต่คุณจะคิด ก็ในเมื่อบอกว่าไม่เปลี่ยนแปลงก็จบแล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการปรับเปลี่ยนเมื่อไหร่ เพราะหลายพรรคได้มีการเตรียมเพื่อการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปถามพรรคที่มีการเตรียมตัวสิ จะมาถามที่ไม่มีการเตรียมตัวได้อย่างไร
เมื่อถามย้ำอีกว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็นเลขาพรรคต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบด้วยน้ำเสียงขึงขัง ว่า "ก็บอกว่าไม่เปลื่ยนแปลง จะถามอะไรกันหนักหนา"
เมื่อถามต่อว่า ที่ประชุมมีการพูดคุยเรื่องโครงสร้างพรรคอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้มีการหารือกันอยู่แล้ว โดยจะให้โฆษกพรรคเป็นผู้ชี้แจง
ส่วนจะปรับให้แต่ละคนมีบทบาทเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "บอกให้เอาเท่านี้ เอาเท่านี้ ขอให้ข่าวเพียงเท่านี้ จะถามอะไรกันหนักหนา พร้อมบ่นกับสื่อมวลชนที่มารุมล้อมว่า "ผมขึ้นรถไม่ได้"
เมื่อถามว่า จะมีปัญหากับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตะโกนตอบว่า "ไม่มี"
ส่วน นายกรัฐมนตรี จะสนิทใจแค่ไหน หากต้องร่วมงานกับ ร.อ.ธรรมนัส พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า "ไม่มีอะไรหรอก"
เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับนายกรัฐมนตรี อีกหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า "พอแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่ต้องแล้ว"
จากนั้น นายวิรัช นายสุชาติ และนายชัยวุฒิ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม โดยนายวิรัช ยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จบที่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคยังเป็นคนเดิมคือ ร.อ.ธรรมนัส ส่วนปัญหาเรื่องขั้วต่างๆ จบแล้ว จากนี้เดินหน้าทำงานขณะที่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน เรื่องที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องในอดีต ขณะนี้ต้องก้าวไปข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ นายสุชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า หาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ยังอยู่ในตำแหน่ง 6 รัฐมนตรีจะทำงานร่วมกับพรรค พปชร. ได้ต่อไปแน่นอน เพราะต้องแยกกันคนละประเด็น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของ กก.บห. อีกส่วนหนึ่งทำงานเพื่อรับใช้ประเทศชาติบ้านเมือง เป็นคนละอย่างกัน และสถานการณ์การเลือกตั้งก็เหลือเวลาอีกปีกว่า ยังไม่ใช่วันนี้ แต่ถ้าเราปรับสมดุลให้เกิดความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ให้พรรคแข็งแรงมากขึ้น ถ้าทำได้เร็วขึ้นก็คงจะดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องทำงานต่อไป เพราะเราทำงาน 2 ขา
ขณะที่ นายวิรัช ระบุว่า ไม่มีความขัดแย้งอะไร ถ้าเราไม่ไปขยาย ทุกอย่างจบหมดแล้วไม่มีอะไรเพิ่มเติม จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค ทุกอย่างคนเดิมคงที่ เมื่อถามถึงแบบสอบถามที่ให้สมาชิกทำเมื่อวานที่จะมีผลต่อการดำรงอยู่ในตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ผลสำรวจที่ออกมายังไม่ทราบชัดเจน ยังไม่ได้ถามคนที่เก็บผลสำรวจไว้ว่า ผลเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า แบบสำรวจนี้จะสามารถวัดผลได้หรือไม่ เพราะสมาชิกบางคนไม่ได้ทำด้วย นายวิรัช กล่าวว่า เมื่อวานมี ส.ส.อยู่ 113 คน จาก 122 คน ก็ถือว่าร้อยละ 90 แล้ว
"ทุกอย่างบางครั้งไปถึงที่สุดแล้ว มันก็ดีขึ้น แล้ววันนี้มันก็ดีแล้ว แล้วเราก็เป็นพรรคใหญ่องคาพยพเราก็กว้าง มีจุดไหนที่บกพร่องก็แก้เป็นจุดๆ ไป รักกันแน่นเหนียวเหมือนเกลียวเชือก" นายวิรัช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดเริ่มต้นความขัดแย้งครั้งนี้ ของพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้น หลังจากการทำโพลสำรวจความนิยมของ ส.ส. ในพรรค หากพบว่า ความนิยมลดลงอาจส่งผลต่อการส่งลงสมัครพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยอ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดำเนินการ
จากนั้นเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคอย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่แนวคิดให้กรรมการบริหารพรรคยื่นลาออก เพื่อปรับโครงสร้างพรรคใหม่และให้ ร.อ.ธรรมนัส พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมีกรรมการบริหารพรรคในส่วนที่เป็นรัฐมนตรี 6 คน ได้เตรียมใบลาออกไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่น และมีกรรมการบริหารพรรครวมแล้วไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในที่สุด พล.อ.ประวิตร ได้เรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยกันก่อนที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในวันที่ 27 ต.ค. 2564
พร้อมกับมีรายงานข่าวออกมาว่า พล.อ.ประวิตร ได้ยื่นคำขาดระหว่างคุยครั้งสุดท้ายว่า "พวกคุณไปฟังความข้างเดียวกัน ถ้าไม่เอาธรรมนัส แล้วจะเอาใคร เขาทำงานได้ ทำงานเพื่อพรรค แล้วใครจะทำงาน คนอื่นก็เป็นคู่กรณีของเขา ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน กูลาออก ใครอยากมาเป็น ก็มาเป็นเลย"