รัฐบาลพรรคพปชร. ระวังเข้าตำราเดินหมากผิดตาเดียวล้มทั้งกระดาน?

นาทีนี้สปอตไลต์ทุกดวงสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมีจุดแตกหักมาจากเหตุการณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. จัดทำโพลเช็กเรตติ้ง ส.ส.พรรค พปชร.ทั่วประเทศและถูกฝ่ายตรงข้ามตั้งแง่ การจัดทำโพลครั้งนี้ผู้กองธรรมนัส มีวาระซ้อนเร้น  

หวังใช้เป็นเครื่องมือบีบให้ ส.ส. กลุ่มก๊วนต่างๆ เลือกข้าง เข้ามาอยู่ในซุ้มผู้กอง แลกกับการได้วีซ่าลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้า

ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส เป็นทุนเดิมหลังจากถูกวางยา ในการลงมติไม่ไว้วางใจช่วงต้นเดือน ก.ย. จึงนำไปสู่เหตุการณ์วันที่ 25 ต.ค. หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล 6 รัฐมนตรีสังกัดพรรค พปชร. ประกอบด้วย (1) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (2) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม (3) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (4) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง (5) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (6) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า

ก่อนเกิดกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.ยอมกลืนเลือดอนุมัติแผนผ่าตัดโครงสร้างพรรค พปชร.แบบเร่งด่วน!

โดยใช้โมเดลเหมือนช่วงเดือน มิ.ย. 2563 ที่ พล.อ.ประวิตร ยึดอำนาจ "กลุ่ม 4 กุมาร"ภายใต้การนำของ นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล  อดีตโฆษกพรรค

โดยให้ คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ลาออกเกินครึ่งหนึ่ง เพื่อเปิดทางจัดประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามข้อบังคับพรรค

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบข้อบังคับพรรค พปชร.ข้อที่ 15 เขียนขั้นตอนชัดเจน เมื่อตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคว่างลงเกินครึ่งหนึ่ง ให้ถือว่าคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นตำแหน่งไปด้วย  

จากนั้นให้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายในกรอบเวลา 45 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

ดังนั้นหากกรรมการบริหารพรรค พปชร. อย่างน้อย 14 คนยื่นใบลาออกจากตำแหน่งภายในสัปดาห์นี้ เท่ากับการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค พปชร. ชุดใหม่ จะเกิดขึ้นช้าที่สุดช่วงกลางเดือน ธ.ค.

เอาเป็นว่ามองข้ามชอตไปเลย หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กลุ่มต้าน ร.อ.ธรรมนัส วางไว้ คนที่ก้าวเข้ามาทำหน้าที่เลขาธิการพรรค พปชร. คนใหม่ มีภารกิจสำคัญต้องคุมแรงกระเพื่อมจาก ส.ส.ซุ้มผู้กองธรรมนัส ให้ได้

อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 114  และมาตรา 124  ให้ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ยกมือโหวตในที่ประชุมสภาฯ อย่างอิสระ ทั้งการลงมติไม่ไว้วางใจ และการโหวตคว่ำร่างกฎหมายฉบับสำคัญที่เสนอโดยรัฐบาล                

สถานการณ์ตอนนี้ทั้งรัฐบาลและพรรค พปชร. ระวังจะเข้าตำรา เดินหมากผิดตาเดียว ล้มทั้งกระดาน!