โทนี ยกมือไหว้ 3 ป. บอกพอได้แล้ว อยู่ 7 ปีมีแต่ปัญหา
เมื่อเวลา 20.02 น. วันที่ 12 ตุลาคม นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี วู้ดซัม อดีตนายกฯ ได้ร่วมสนทนาในรายการ CareTalk x Care Clubhouse ครั้งที่ 17 ในหัวข้อ "7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ?"
ยังสับสน จะเปิดประเทศยังไง
ในช่วงต้น โทนี ได้กล่าวถึงประเด็นที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะเปิดประเทศว่า ตอนที่ผมบอกว่าผมจะเปิดประเทศใน 180 วัน ผมมีเงื่อนไขนะ คือต้องฉีดวัคซีนถึง และวัคซีนต้องมีคุณภาพ ไม่งั้นภูมิคุ้มกันก็จะต่ำ นอกจากนี้ต้องจัดการสาธารณสุขให้ดีกว่านี้ เตรียมยาเฟสต่อไป แต่วันนี้รัฐบาลบริหารแบบ เช้าชามเย็นชาม ไม่ได้เร่งสปีด แล้วพอถึงเวลา 120 วันก็มาเปิด
"นายกฯจะเปิดประเทศ โดยเลือก 10 ประเทศก่อน ก็พยายามดูว่าเขาใช้หลักอะไรคิด จะเปิดก็คือต้อง 1.เอาจำนวนนักท่องเที่ยว 2. เอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ 3.จะให้คนมาเมืองไทยได้เยอะๆ โดยไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ดูเรื่องความปลอดภัยประกอบ พอมาดูทั้ง 3 หลักนั้น ไม่มีเลย อย่างอเมริกาคนก็ยังติดเยอะ จีนติดน้อยแต่กลับไปเขาก็ต้องกักตัว อังกฤษ ก็ไม่รู้ว่าเพราะเขาเพิ่งยกเราออกหรือเปล่า ส่วนยูเออีนี่ ติดเชื้อวันละร้อยกว่า ไปเมืองไทยก็ใช้เงินเยอะ แตไม่เห็นอยู่ในลิสต์ สงสัยกลัวคนมาเยี่ยมผม ไม่รู้ใช้หลักอะไร เราต้องอย่าเลียนแบบ ต้องเป็นตัวของตัวเอง หากเราต้องการนักท่องเที่ยว ก็ต้องให้ฉีดวัคซีนให้ครบ ตรวจพีซีอาร์ไม่เจอ โอกาสเจอเชื้อก็น้อยมาก ปัญหาคือ เรานี่หละ จะติดกันเอง เพราะฉีดวัคซีนน้อย และภูมิคุ้มกันต่ำ"
โทนี กล่าวต่อว่า สรุปแล้ว ก็คือเปิดแต่เหมือนไม่ค่อยพร้อม 10 ประเทศไม่มีหลักคิด กระทรวงการต่างประเทศและหมอ ควรมาคุยกัน มันต้องเลือกประเทศให้ถูก ไม่งั้นก็ไม่ต้องเลือกเลย ใช้วิธีหลักสากลเลย อย่างยุโรปมีประเทศห้ามน้อยมาก คือให้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ผลพีซีอาร์เป็นลบ ก็พอ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ นักท่องเที่ยวกลับไปมากกว่าก่อนมีโรคระบาดด้วยซ้ำ หากจัดการดี การท่องเที่ยวก็กลับมาเร็ว
"หากอยากได้มากจะได้น้อย ถ้าคิดจุกจิก จะทำให้เราเสียโอกาส นักท่องเที่ยวตอนนี้เขาแพลนแล้วว่าจะไปไหน ของเราถ้ายังมีปัญหา ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ก็จะเสียโอกาส บทความชิ้นหนึ่งเขาบอกว่า ไทยจะเปิดประเทศ แต่ยังฟังดูแล้วเป็น cocktail of confusion คือเป็นส่วนผสมของความสับสน คำนี้แรงมาก ฝั่งนั้นพูดที คนนั้นพูดที แต่วันนี้นายกฯออกมาพูดเองแล้ว"
แซะนายกฯ เรื่องง่ายๆยังทำไม่สำเร็จ
โทนี กล่าวต่อว่า นายกฯ อยู่มา 7 ปี บอกขอเวลาอีกไม่นาน และจะขออีก 5 ปี สรุปไม่นานหรอ 5 ปีแรกนี่มีอำนาจล้นเหลือ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ คุมทั้ง บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ อยากทำไรก็มีคนทำกฎหมายให้ พอรัฐบาลเลือกตั้งก็ได้ 250 ส.ว.ที่วางไว้สืบทอดอำนาจเชิญเข้ามา 7 ปี ยังทำอะไรไม่ได้เลย ทำเรื่องง่ายๆก็ไม่สำเร็จ สปีชที่ท่านอ่าน กับตัวท่าน เหมือนคนละคนเลย สปีชไปอย่าง ท่านไปอย่ง ท่านไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดท่านต้องทำหรอ เลยไม่รู้ว่าตกลงทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ที่แน่ๆ เศรษฐกิจพังไปแล้ว หนี้ครัวเรือนพุ่ง งบประมาณก็ขาดดุล ถ้าหนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ ความน่าเชื่อถือก็ตก
"ความน่าเชื่อถือต่างประเทศเราตก ท่านไม่ได้ไปเยือนประเทศต่างๆ เพราะความรู้สึกของเขามองว่าท่านเป็นเผด็จการ ถ้าเราไม่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ก็ยาก ผมเห็นใจกระทรวงต่างประเทศนะ เพราะสภาพบ้านเราเป็นเผด็จการจริงๆ ตรงนี้ ในกอสซิบเวทีระหว่างประเทศ เริ่มพูดว่า ตะวันตก เริ่มไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เกิดขึ้น จับเด็ก 11 ขวบ บังคับเด็ก 14 รับสารภาพยิงตำรวจ เขารู้หมด และกลับไปคุยที่เฮด ควอเตอร์เขา เขาจะเริ่มคืบ กระซิบขอไทยว่าอย่าทำแบบนี้ จากเบาและก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ที่ได้ยินมา"
อยู่มา 7 ปี มีแต่ปัญหา
ทั้งนี้ โทนี ได้เปิดเผยถึงปัญหาต่างๆ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Rule of Law ที่ไม่ว่าใครอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ผิดทุกเรื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ สำคัญยิ่งในโลกทุนนิยม องค์กรอิสระต่างๆไม่อิสระ หรือจะเป็นเรื่องยาเสพติด ที่เจริญเติบโตมาก เพราะว่าไม่มีเงินก็ไปเดินยา , เกษตรกร น่าสงสาร ขายข้าว 1 กิโลกรัมได้ 5 บาท แต่มาม่าซองละ 6 บาท วันนี้รัฐบาลไม่ได้สนใจคนตัวเล็กตัวน้อย มีแต่กู้เงินมาแจกหาเสียง ไม่ได้คำนึงถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ปลายเหตุ ไม่ทันเทคโนโลยีโลก
นอกจากนี้ โทนี ยังพูดถึงปัญหา ระบบราชการ ที่กลายเป็นรัฐราชการ ประชาชนต้องไปไหว้ขอ และมีการยัดใต้โต๊ะ รวมไปถึงเรื่องระบบสาธารณสุข ที่นายกฯไปพูดที่สหประชาชาติ ว่า 30 บาท ดีอย่างไร นั่นผลงานไทยรักไทย ที่ท่านไปคุยว่ายอดเยี่ยม ท่านบริหารพังไปเรียบร้อยแล้ว ระบบพังหมด รวมไปถึงเรื่องการศึกษา ที่พาเด็กย้อนยุค และไม่ฟังเด็ก
"รัฐบาลบริหารไม่เป็นยุทธศาสตร์ คิดอะไรไม่เป็นองค์รวม อย่างเรื่องเปิดประเทศ ก็ไปเลียนแบบตรงนั้น ฟังตรงนี้ คิดองค์รวมไม่ได้ หลักคิดไม่มี 7 ปี สุดแสนจะแย่ที่สุด ทรมาณที่สุดของคนไทย"
โดยโทนี ยังได้หยิบยกเอาวาทะ และสุนทรพจน์ของนายกฯในหลายครั้ง ที่ไม่ได้ทำตามเช่นนั้น อาทิ การบอกว่า "จะเปิดโอกาสให้เยาวชนมามีส่วนร่วม ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี" ซึ่งโทนีกล่าวว่า แล้ววันนี้เป็นไง คฝ.ยิงเด็ก ผมบอกให้ไปพูดกับเด็ก ก็ไม่พูด ถ้าไปพูดกับเด็กเหมือนที่พูดแบบนี้ ก็จบแล้ว
ยกมือไหว้รุ่นน้อง ลาออกเถอะโทนี กล่าวว่า หากท่านจะอยู่ ท่านต้องเปลี่ยนวิธีคิด แต่ท่านอยู่ได้ไม่นานหรอก ผลงานแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้ ท่านเรียนรู้แต่ไม่ได้เอามาใช้ หากเรียนรู้แล้วมาแก้น่าจะดีขึ้น จะมาขอ 5 ปี ขอพลิกโฉมประเทศไทย คำว่าพลิกโฉม ผมเคยใช้ตอนปี 46 ที่คุณจำลองให้ผมไปปราศรัยหาเสียง วันนี้สภาพัฒน์ใช้คำว่าพลิกโฉม ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะอยู่พลิกโฉมได้หรือเปล่า เพราะท่านทำให้ประเทศเสียโฉมมาเยอะแล้ว จะไปพลิกยังไง
"ยกมือไหว้เลย ยกมือไหว้รุ่นน้อง พอเถอะท่าน เสียดายบ้านเมือง ให้คนรุ่นใหม่มาทำเถอะ เรามันแก่แล้ว เรามันเบบี้บูมเมอร์ ไม่เข้าใจหรอกว่าเด็กรุ่นหลังคิดยังไง ขนาดผมอ่านหนังสือเยอะ ผมยังว่าผมเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ ท่านนี้ไม่เลย 7 ปีนี่มาได้พิสูจน์ 3 ป.ท่าน ตกยุคหมดแล้ว พอแล้ว"
และว่า ที่พูดเพราะผมมีส่วนตั้งพวกท่านมาทั้งนั้น เป็นบาปกรรมผม เล่นกันอย่างงี้ รักษาเก้าอี้แต่บ้านเมืองพัง วันนี้เบบี้ บูมเมอร์อย่านั่งเป็นนายกฯเลย พอแล้ว ให้เจนเอ็กซ์เจนวาย ทำเถอะ ฝากไว้ เอาแค่นี้ วันนี้สังคมเสียหายไปเยอะ เห็นแก่บ้านเมืองเถอะ เปลี่ยนนายกฯ เหอะ ต้องรุ่นใหม่
"ผู้นำ ต้องมีผู้นำ มีสมองคิด ไม่ใช่ทำงานเป็น routine แล้วมาบอกว่าผมผิดอะไร ก็ผิดที่ไม่เก่งอะ ผู้นำต้องเก่ง ไม่งั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ท่านเก่งได้ ถ้าเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ท่านต้องเข้าใจภาพรวมทั้งหมด และกล้าเป็นเจ้าภาพ แต่นี่ท่านเล่นรวมอำนาจ แล้วสั่งไม่เป็น" โทนี กล่าว
ในช่วงท้ายของการสนทนา ผู้สนทนารายหนึ่งได้ถามว่า จากโครงการของหน่วยงานหนึ่งที่อยากจะพัฒนาไปดวงจันทร์ จึงอยากถามว่าส่ง 3 ป.ไปก่อนได้หรือไม่ โทนี กล่าวว่า การเดินทางไปอวกาศต้องแข็งแรง ต้องอยู่ในที่จำกัด ต้องกินอาหารเม็ด มันต้องแข็งแรงพอสมควร ผมไม่เชื่อว่า 3 คน โดยเฉพาะลุงป้อมจะไปไหว