“ทิพานัน” เปิดตำราก.ม. ปลุกแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม โทษถึงคุก
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คณะก้าวหน้า เผยแพร่ข้อความทางเฟซบุ๊ก และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เผยแพร่ข้อความทางทวิตเตอร์เชิญชวนให้มีการต่อต้านกฎหมายภายใต้แคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม พร้อมลิ้งก์รายละเอียด ให้ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปิดขายและให้นั่งทานในร้าน โดยมีข้อความยอมรับว่าเป็นการเชิญชวนให้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย กล่าวอ้างว่ามีทนายความและบุคคลเพื่อเจรจาจัดการเรื่องคดีความ ดังนั้นจึงเป็นการชัดเจนว่าคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ ผู้เชิญชวนรู้ว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายและมีเจตนาชัดเจนที่จะให้มีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ดังนั้น การที่ น.ส.พรรณิการ์ ให้การเชิญชวนให้ร้านอาหารฝ่าฝืนกฎหมายนั้น ต้องให้ข้อมูลครบถ้วนด้วยว่า ทุกร้านจะมีความผิดตามมาตรา 52 พรบ.โรคติดต่อ 2558 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และมีความผิดตามมมาตรา 18 พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งคณะก้าวหน้าและ น.ส.พรรณิการ์ จะเข้าข่ายมีความผิดด้วยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 "ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด"
"ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาและชดเชยให้กับร้านค้า ร้านอาหาร ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงลูกจ้างก็สามารถใช้สิทธิรับการเยียวยาทั้งจากรัฐและจากระบบประกันสังคม สถาบันการเงินของรัฐเพิ่มมาตรการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำและมีมาตรการพักหนี้พักดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และยังเร่งมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายเพื่อให้พ่อค้าแม่ขายผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการกระทำของคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ และร้านอาหารที่จะเข้าร่วมกิจกรรมฝ่าฝืนกฎหมายนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขของประเทศถอยหลัง เป็นการทำความเสียหายให้เกิดต่อสุขภาพ ชีวิต และปากท้องของประชาชน" น.ส.ทิพานัน กล่าว