ทนายเชื่อ’เพนกวิ้น’ติดคุกไม่ต่ำกว่า 50 ปี
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร ขอถอนทนายความ ปฏิเสธกระบวนการพิจารณาคดี ม.112 จากการปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส และศาลอนุญาตให้ถอนทนายแล้ว ว่า วันนี้เป็นการนัดตรวจหลักฐานคดีชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเพนกวินเป็นจำเลยเพียงคนเดียว ศาลเบิกตัวเพนกวินนั่งรถเข็นมา อนุญาตให้พ่อแม่กับเพื่อนที่เป็นนักศึกษาเข้ามาพูดคุยกัน เพราะเพนกวินมีปัญหาเรื่องการเรียน เนื่องจากไม่ได้เข้าสอบ วันนี้ก็ได้รับการผ่อนปรนจากศาลพอสมควร
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า อัยการแถลงนัดสืบพยานทั้งหมด 32 ปาก 9 นัด เพนกวินแถลงต่อศาลว่า เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีนี้ เนื่องจากไม่ได้สิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ไม่มีโอกาสไปแสวงหาพยานหลักฐานมาสู้คดีได้เต็มที่ เขาขอไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยใช้คำพูดต่อไปนี้ว่า "ปฏิเสธกระบวนการในชั้นศาล เนื่องจากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ก็เลยขอไม่เข้าร่วมในการต่อสู้คดี" ก็ให้โจทก์สืบพยานไป แล้วขอถอนทนาย คือตนและทนายอีก 2 คนออกจากการเป็นทนายความ
นายกฤษฎางค์ กล่าวถึงเหตุผลในการถอนทนายของเพนกวินว่า มีทนายความไปก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคดีได้ เนื่องจากตัวเองไม่ได้รับสิทธิในการตรวจสอบพยานหลักฐานต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ เมื่อไม่เข้าร่วมกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องมีทนาย และยังขอศาลว่าไม่ต้องเบิกตัวเขามาขึ้นศาล แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะในคดีอาญาการพิจารณาคดีต้องทำต่อหน้าจำเลยเป็นหลักกฎหมาย ก็เหมือนกับหลักกฎหมายที่ต้องอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เพนกวินจึงได้ขอศาลว่าไม่ต้องเบิกตัวเขามาหรอก เพราะเสียเวลา ยังไงเขาก็คงอยู่ไม่ถึง"คดีนี้มีพยานโจทก์เป็นพยานบุคคล 32 ปาก มีพยานเอกสารอีกร่วมร้อยกว่าฉบับ เขาไม่มีโอกาสที่จะออกจากคุกมาตรวจสอบ แล้วโทษสูง เพนกวินถ้าติดคุกคงติดไม่ต่ำกว่า 50 ปี ตามกฎหมาย ในคดีนี้ รวมทั้งการที่เขาไม่มีโอกาสที่จะพบปะหารือกับทนายความเป็นการส่วนตัว ทำให้เขาคิดว่าเขาเหมือนกับนักกีฬาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกติกากฎเกณฑ์ เขาจึงไม่เข้าร่วม เขาถือว่าถ้าเขาแพ้คดี เขาอาจจะชนะในความยุติธรรม เขาคงไม่มาร่วมด้วย เพราะฉะนั้น คำถามว่าคดีจะไปยังไง คดีก็ไปแบบที่สืบพยาน โดยจำเลยอาจจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น หรืออยู่แล้วก็ไม่ได้ฟัง แล้วไม่ได้สนใจใยดี เพราะถือว่าเป็นบทกฎหมายที่เขาไม่สมควรจะร่วมด้วย ถึงที่สุดศาลก็จะมีคำพิพากษาออกมาได้อยู่ดี แม้ว่าจะหนีไป เดี๋ยวนี้ก็มีกฎหมายพิจารณาลับหลังก็ได้"
เมื่อถามถึงความกังวลกับคดีนี้ที่จะไม่มีทนายความมาดูแลแล้ว นายกฤษฎางค์กล่าวว่า เมื่อทนายความพ้นจากการเป็นทนายก็จะไม่มีภารกิจอะไรในคดีนี้แล้ว แต่ความห่วงใยที่มี คือห่วงกังวลน้องๆ ห่วงกังวลคนที่เราเห็นว่าพวกเขาได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ พวกเขาน่าจะได้รับการพิสูจน์ในระบบยุติธรรมที่เป็นธรรม ตนก็ห่วงในฐานะที่เขาเป็นน้องคนหนึ่งที่รู้จัก แต่คงคิดว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ เพราะเขาจะไม่เข้าร่วมกระบวนการยุติธรรมที่ศาลอาญาแห่งนี้ต่อ เราก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เพนกวินแถลงต่อศาล และมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ด้าน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน ให้สัมภาษณ์ถึงการได้พูดคุยกับเพนกวินว่า วันนี้ได้เจอลูกก็ดีใจ เพราะไม่ได้พบกันมานาน ได้เจอกันตัวเป็นๆ ตอนที่นั่งดูในห้องพิจารณาคดีก็ได้สังเกตเขา เพราะพบทุกคนทั้งเพื่อน พ่อ แม่ น้อง เขาก็สดชื่น เราพยายามสังเกตว่าเขาซ่อนอาการไว้หรือเปล่า แต่ที่เห็นได้ชัดคือผอมลง เมื่อถามน้ำหนักก็พบว่าเพนกวินน้ำหนักลดลงไปเกือบ 20 กิโลกรัม และถามถึงเหตุการณ์ที่สายน้ำเกลือหลุดออกจากแขนบ่อยๆ ซึ่งเพนกวินก็บอกว่า แขนพรุนไปด้วยรอยเข็ม แทบจะไม่มีเส้นเจาะน้ำเกลือ ต่อมาตอนเพนกวินกล่าวกับศาล มีอาการมือสั่นเหมือนต้องใช้พลังงานมากในการพูดคุย ทั้งที่ไม่ได้ใช้แรงมาก เนื่องจากมีไมโครโฟน คงหมดแรงจริงๆ แต่ที่แสดงออกมาเพื่อไม่ให้พวกเราเป็นห่วง
นางสุรีย์รัตน์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้พยายามไม่สัมผัสกัน เพราะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บอก ถ้าทำตัวดีก็จะได้พูดคุยกับลูก ตนไม่อยากจะสัมผัส เพราะกลัวว่าเชื้อโรคจะติดไปที่ลูก ยิ่งตอนนี้สภาพเพนกวินอ่อนแอมาก และได้ยินมาว่าข้างในเรือนจำก็มีการติดโควิด พร้อมกับช่วงนี้เป็นช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง โรคประจำตัวของเพนกวินที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ ก็จะกลับมาทำให้ยิ่งกังวลว่าเขาจะปลอดภัยไหม สุขภาพเขาจะดีไหม เขาจะอยู่ถึงการไต่สวนในกระบวนการถัดไปหรือเปล่า เราไม่แน่ใจเลย แล้ววันนี้เห็นเพนกวินพยายามจะลุกแต่ก็ลุกไม่ไหวอยู่แล้ว คงพยายามจะโชว์ให้เราเห็นว่าเขาโอเค เขาสบาย และมีการเสียบยาดมที่จมูกตลอด แต่ไม่ยอมบอกอาการว่า เขาเจ็บป่วยตรงไหน ตอนนี้ภาวะของเพนกวินสุ่มเสี่ยงมาก อาจจะช็อกได้ตลอด อย่างที่บอกไปว่าในระยะเวลาไม่กี่วันเพนกวินมีอาการวูบไปแล้ว 2-3 รอบ ถ้ารักษาตัวข้างนอกก็อาจจะอยู่ไอซียูไปแล้วนางสุรีย์รัตน์ ระบุด้วยว่า วันนี้เราจะพยายามประกันตัวให้เพนกวินอีก ทั้งที่เราก็รู้แล้วยื่นไปก็ไม่ได้ แต่ครั้งนี้ศาลท่านได้เห็นตัวเป็นๆ ว่าสภาพเพนกวินเป็นอย่างไร ได้คุยกับเพนกวินว่าเพนกวินมีแรงขนาดไหน สภาพน่ากังวลขนาดไหน เราขอประกันตัวเพนกวินออกไปรักษาไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นกับเพนกวิน เพราะหากเกิดแล้วใครจะรับผิดชอบ ศาลท่านรับผิดชอบไหวไหมกับการที่จะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ เหล่านี้
เมื่อถามว่า แม่จะเป็นนายประกันเองหรือไม่ นางสุรีย์รัตน์กล่าวว่า วันนี้จะเป็นนายประกันเอง ทนไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นสภาพของลูกชาย ลองขอประกันอีกที ถึงแม้ความหวังจะน้อยนิด เราพยายามทุกอย่างแล้ว ประกันตัวไปเราก็ไม่ได้หนีไปไหน เรานำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อให้เด็กได้มีชีวิตอยู่ได้รักษาตัว หากเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ เราไม่ต้องการคำขอโทษ เพราะชีวิตหนึ่งกับคำขอโทษมันไม่ได้อะไรเลย อย่างวันนี้เพนกวินได้ขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เพื่อนเข้าไปพูดคุยเพื่อปรึกษากันเรื่องเรียน เพนกวินยังเด็ก ด้านหนึ่งเขาทำกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง แต่อีกด้านเขามีหน้าที่เรียนหนังสือ เขายังทักกับเพื่อนเลยว่าจะจบแล้วใช่ไหม เพื่อนเขาจะจบเดือนพฤษภาคม เรารู้เลยว่าเขาเศร้า เพราะเขาไม่จบ แล้วไม่รู้ว่าจะได้จบหรือเปล่า จะได้เรียนต่อหรือไม่ อนาคตจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ได้เห็นสภาพของลูกแล้วมีอะไรอยากจะบอกเขาหรือไม่ นางสุรีย์รัตน์กล่าวว่าให้รักษาตัวดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เขาก็คงเข้าใจว่า เรารักเขาขนาดไหน แต่ต่อหน้าเราก็พยายามที่จะไม่อ่อนแอ เราจะพยายามเข้มแข็งให้เขาไม่ใจเสีย เพราะลำพังตัวเขาเองก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว