ด่วน! อัยการสั่งฟ้อง เอกชัย-พวก คดี ม.110 ขวางขบวนเสด็จฯ
แต่ตนไม่เคยคิดที่จะหนี ส่วนประเด็นที่เคยร้องขอให้อัยการสอบพยานเพิ่มนั้น เท่าที่คุยกับทนายความระบุอัยการรับ แต่ยังไม่จำเป็นต้องพิจารณาตอนนี้ เข้าใจว่าวันนี้ส่งฟ้องไปก่อน ทั้งนี้ ตนไม่ได้มาขอความเมตตาจากศาล แต่ต้องการความเป็นธรรม
ขณะที่ นายบุญเกื้อหนุน ได้อ่านคำแถลงอันมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า เราไม่มีความประสงค์ หรือความพยายามที่จะกระทำตามข้อกล่าวหา และเรายืนยันในความบริสุทธิ์ของพวกเรามาตลอด แต่หลังจาก 5 เดือนผ่านไป พร้อมกับความอัปยศและความยากลำบาก พวกเราได้รับทราบถึงข้อสรุปจากอัยการได้ตัดสินใจเตรียมการส่งคดีฟ้องต่อศาลอาญา และจะเป็นช่วงการดำเนินการยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อไป ถ้าหากไม่สำเร็จ พวกเราทั้ง 5 คนจะต้องถูกขัง และถูกริดรอนเสรีภาพของพวกเราโดยทันที
"พวกเราได้มีโอกาสต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เพื่อความยุติธรรม กับเพื่อนของผมอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ และถึงขนาดนั้นเอง ผมเชื่อว่าเรายังมีอะไรอีกมากที่ยังต้องช่วยเหลือ เกื้อกูลและทำต่อ ถึงจุดนี้ ผมคงเพียงพูดแค่ว่า มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ ถ้าหากความเป็นอยู่ของผมต้องจบลงในขณะที่ถูกจองจำ
ผมจะเผชิญหน้าต่อไปโดยปราศจากความเสียใจทั้งสิ้น ต่อกรกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้มและความพึงพอใจ ที่ได้รู้ว่าสิ่งที่เราได้สละชีพให้จะมีความหมาย และชื่อเสียงเรียงนามของผมจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ โดยที่รู้ว่าจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก และความศรัทธาของเราจะไม่มีวันถูกทำลายได้อย่างแน่นอน" นายบุญเกื้อหนุน กล่าว
ด้าน น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความผู้ต้องหา กล่าวถึงเรื่องการปล่อยชั่วคราวหากถูกยื่นฟ้อง ว่า ตามหลักการตามกฏหมายผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อพนักงานสอบสวน ถ้าเอาข้อเท็จจริงมาประกอบกับข้อกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้ง 5 จะต้องได้รับการปล่อยชั่วคราว 100 เปอร์เซ็นต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาได้เตรียมหลักทรัพย์คนละ 3 เเสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวหากถูกฟ้องตกเป็นจำเลย จากนั้นในเวลา 11.00 น. ทางพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
หมายเหตุ มาตรา 110 คือ ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี ... วรรคสาม ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต