ร้อนระอุ! จุดไฟเผากลางถนน-เสียงดังสนั่น ถนนราชดำเนิน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 มี.ค.64 ประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรีเด็ม ‘REDEM' เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยไฮไลต์ของกิจกรรมคือ มวลชนเตรียมพับจรวดกระดาษข้อเรียกร้องส่งเข้าไป โดยกิจกรรมจะเริ่มในเวลา 18.00 น. และจะยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. โดยจะไม่มีการเดินขบวนและไม่มีแกนนำ

ส่วนบรรยากาศเจ้าหน้าที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขวางสนามหลวงไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปยังพื้นที่สำคัญ พร้อมนำลวดหนามและขึงสแลนบนตู้คอนเทนเนอร์อีกชั้นบริเวณถนนราชดำเนิน ฝั่งศาลฎีกา พร้อมเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงไว้ปฏิบัติหน้าที่ หากผู้ชุมนุมพยายามบุกฝ่าเข้าไป

ต่อมาเวลา 17.15 น. ประชาชนทยอยสมทบมากขึ้นตามลำดับ โดยจับกลุ่มพูดคุยและนั่งพักผ่อนบริเวณรอบประติมากรรมพระแม่ธรณีบีบมวยผม บางรายนำภาพผู้ต้องขังชูเรียกร้องให้ปล่อยตัว อาทิ ภาพนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายอานนท์ นำภา และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นต้น

จากนั้น 17.30 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเตือนผู้ชุมนุมห้ามชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีใจความระบุว่าภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน และพรบ.ควบคุมโรคติดต่อ ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมและมั่วสุมในพื้นที่ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 และข้อให้ยุติชุมนุมทันทีที่ประกาศเสร็จสิ้น

ขณะที่ พ.ต.อ.สนอง อ่านประกาศผู้ชุมนุมได้เข้ามาปิดล้อมทีมงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องทำการเปิดทางด้านหลัง เพื่อผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไป จากนั้นผู้ชุมนุมตะโกนขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีที่อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงล่าถอยเพื่อลดแรงกดดัน เลี่ยงการประทะซึ่งหากอยู่ในพื้นที่ต่อไป มวลชนอาจเกิดความไม่พอใจและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรุนแรง

หลังจากเจ้าหน้าที่ล่าถอยไป ผู้ชุมนุมได้มีการเปิดแผงเหล็กเพื่อเปิดทางนำรถเครื่องขยายเสียงและกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่นัดรวมตัวก่อนหน้าที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งต่อมาเคลื่อนขบวนมาสมทบที่ท้องสนามหลวง

ต่อมาเวลา 18.45 น. การ์ดผู้ชุมนุมได้เริ่มเก็บลวดหนามที่วางไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมาวางขวางกั้นไว้ออกจากพื้นที่ ก่อนมีกลุ่มคนกลุ่มหนุ่งได้ช่วยกันผูกและพยายามลากตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางอยู่ออกมา โดยใช้เวลาในการดำเนินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสามารถดึงตู้คอนเทนเนอร์ชั้นบนที่ขวางอยู่ลงมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประกาศห้ามเคลื่อนเข้ามา โดยได้เตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงไว้พร้อมแล้ว

จากนั้นเวลา 19.00 น. ผู้ชุมนุมได้รื้อตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางอยู่ออกได้สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ยังคงประกาศเตือนและนับถอยหลัง ไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกเข้ามา ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมแตกฮือและวิ่งหลบหนีออกมา โดยในแนวปะทะยังสังเกตเห็นควันไฟพวยพุ่งออกมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำมาอีกเป็นระยะ ก่อนมีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างหนีออกมา

ต่อมาเวลา 19.05 น. มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ที่เริ่มน่าเป็นห่วง จากนั้นเจ้าหน้าที่ยังฉีดน้ำมาเป็นระยะ โดยมีผู้ชุมนุมพยายามรื้อตู้คอนเทนเนอร์ออกอย่างต่อเนื่อง ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม

จากนั้นเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่พร้อมโล่ได้ตั้งแถวและบุกข้ามมายังฝั่งผู้ชุมนุมผ่านตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนเข้าจับกุมผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมต่างวิ่งหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง โดยเจ้าหน้าที่เริ่มใช้กระสุนยางและปืนยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอีกครั้ง พร้อมประกาศให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนกลับบ้าน เพราะด้วยรักและห่วงใย พร้อมให้ผู้ชุมนุมกลับไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่รอบสนามหลวง ก่อนมีหญิงสูงวัยคนหนึ่งถือป้ายเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ โดยข้อความในป้ายระบุว่า "ขอคืนความสุข" จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาล้อมหญิงคนดังกล่าวแล้วควบคุมตัวออกไป

ต่อมาเวลา 20.00 น. ผู้ชุมนุมที่แตกฮือหลบหนีเจ้าหน้าที่ ได้ไปตั้งแนวอยู่บริเวนเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และอีกจุดบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน ก่อนมีการปาสิ่งของเข้าใส่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนยางเข้าใส่เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นเวลา 21.00 น. บริเวณถนนราชดำเนิน ช่วงแยกคอกวัว ยังคงเกิดการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม โดยมีเสียงประทัดดังสนั่นในบริเวณดังกล่าวต่อเนื่อง ยังพบมีการนำกระถางต้นไม้แบบพลาสติกมาเผาบริเวณเกาะกลางถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถฉีดน้ำมาสกัด พร้อมยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเข้าใส่ต่อเนื่อง ก่อนกระชับพื้นที่เข้าใกล้แนวผู้ชุมนุม