ชี้หลักฐานเชิงลึกมัดตัว ก่อนบุกรวบ แอมมี่ เผาพระบรมฉายาลักษณ์

สืบเนื่องจากกรณีที่มีเหตุคนร้ายวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการวางเพลิงเผาทรัพย์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ชี้ สิ่งที่ทำเป็นโทษที่ร้ายแรงมากเพราะเป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และมีโทษหนักถึงประหารชีวิต เพราะเป็นโรงเรือนและสมบัติของทางราชการ และตรงนี้เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการชุมนุม และการที่เจตนาเผาพระบรมฉายาลักษณ์เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ตามมาตรา 112 มีโทษจำคุก 3-15 ปี

วันที่ 3 มี.ค. 64 มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมนายไชยอมร หรือแอมมี่ แก้ววิบูลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี ม.112 เผาทำลายทรัพย์สินราชการ และความผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะทำการควบคุมตัวนายไชยอมร หรือแอมมี่ ไปที่รพ.ราชธานี เพื่อทำการรักษาอาการปวดหลัง ซึ่งนายไชยอมรให้การเลบื้องต้นว่าเป็นอาการที่ได้รับบาดเจ็บจากการตกนั่งร้านที่ปีนไปวางเพลิง

ล่าสุด ความคืบหน้าของคดีข้างต้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเผาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม โดยยืนยันว่า คณะทำงานกระทรวงยุติธรรมมีหลักฐานชัดเจนในการกระทำผิด ข้อมูลที่ส่งให้ตำรวจเป็นหลักฐานเชิงลึกที่ระบุตัวผู้ก่อเหตุวางเพลิงได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเพียงอย่างเดียว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกได้ เพราะเป็นฐานข้อมูลจากดาต้าเบส ซึ่งหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจน ตนก็ไม่กล้าพูด และคดีอยู่ในการสอบสวนของตำรวจ

ส่วนกรณีที่จะมีการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำราษฎร และนัดอ่านจดหมาย 112 ฉบับ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ช่วงสายของวันนี้ นายสมศ้กดิ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มา แต่คงไปขอไม่ให้มาคงไม่ได้ ซึ่งเรือนจำก็มีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับข้อมูลดาต้าเบสที่ใช้แกะรอยกลุ่มของนายไชยอมรที่ก่อเหตุหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอกจากฐานข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือที่เชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลต่างๆ แล้ว ยังมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในลักษณะเดียวกับการตรวจสอบข้อมูลของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดด้วย