‘4 แกนนำม็อบ’วืดประกันอีก ศาลชี้โทษสูง
ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวม 11 ข้อหา จากคดีการชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง โดยนายพริษฐ์ มีคดีชุมนุมม็อบเฟสฯ วันที่ 14 พฤศจิกายน ด้วย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในคำร้องทั้ง 3 สำนวน ประกอบด้วยสำนวนคดีดำ อ.286/2564 ที่มีนายพริษฐ์เป็นจำเลยคนเดียว โดยศาลให้เหตุผลว่าพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าความผิดตามฟ้องมีอัตราโทษสูงการกระทำตามฟ้องมีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยจำเลยขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ กระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนชาวไทยผู้จงรักภักดีอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
นอกจากนี้ยังปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่าถูกกล่าวหาดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันในคดีอื่นอีก เมื่อพิจารณาประกอบคำคัดค้านของพนักงานอัยการโจทก์แล้วกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาแล้วจำเลยอาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีกและน่าเชื่อว่าจำเลยอาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างพิจารณาคำสั่งที่ศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง
ส่วนสำนวนที่ 2 คือสำนวนที่คดีดำ อ.287/2564 ที่มี2คำสั่งในส่วนของนายนายพริษฐ์ นายอานนท์ เเละนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เเละสำนวนของนายปติวัฒน์ หรือหมอลำเเบงค์ โดยทั้ง 3 สำนวนศาลให้เหตุผลในทำนองเดียวกัน
สรุปว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าความผิดตามฟ้องมีอัตราโทษสูงการกระทำตามฟ้องมีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยจำเลยทั้งหมดปราศรัยด้วยถ้อยคำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะกระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนชาวไทยผู้จงรักภักดีอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและมีลักษณะชักนำประชาชนให้ล่วงละเมิดต่อกฎหมายของแผ่นดินนอกจากนี้ยังปรากฏพฤติการณ์ของนายพริษฐ์ จำเลยที่ 1และนายอานนท์ จำเลยที่ 2 ว่าถูกกล่าวหาดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้ในคดีอื่นอีก
ส่วนนายสมยศ จำเลยที่ 4 เคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้มาก่อน อีกทั้งคดีนี้จำเลยที่ 1ที่ 2และที่ 4 ถูกจับกุมตามหมายจับกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาแล้วจำเลยที่ 1,2เเละ4 อาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีกและน่าเชื่อว่าจำเลย 1 , 2 เเละ 4 อาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย 1,2 เเละ 4ในระหว่างพิจารณาคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง
ส่วนนายปติวัฒน์จำเลยที่ 3 เคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้มาก่อน อีกทั้งคดีนี้จำเลยที่3 ถูกจับกุมตามหมายจับ กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาแล้วจำเลยที่ 3 อาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีกและน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 3อาจจะหลบหนีจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 3ในระหว่างพิจารณาคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง