คำพิพากษา(ฉบับเต็ม) จําคุก ทักษิณ คดีหุ้นชินคอร์ป
ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีกระทําการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน 1,419,490,150 หุ้น หรือประมาณ 48.75% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท
โดยจําเลยอําพรางการถือหุ้นจํานวนดังกล่าวไว้ด้วยการให้บริษัท แอมเพิลริช บริษัทวินมาร์ค จํากัด นายพานทองแท้ นางสาวพินทองทา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน
ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
โดยองค์คณะพิพากษา มีมติว่า จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา122 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา152 (เดิม) การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตร า91
ดังนั้นองค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐจําคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นจําคุก 3 ปี รวมเป็นจําคุก 5 ปีให้นับโทษจําคุกจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่อม. 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
ข้อหาและคําขออื่นนอกจากนี้ให้ยกคลิกอ่านคำพิพากษาฉบับเต็มที่นี่