ศาลรธน.ไม่รับคำร้องม็อบ”ราษฎร” ชุมนุมล้มล้างการปกครองฯ
ทั้งนี้ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 คือสั่งการให้กลุ่มผู้ชุมนุมนักเรียน นิสิต นักศึกษา และกลุ่มประชาชนเยาวชนปลดแอก (Free -YOUTH) และกลุ่มอื่นๆในต่างจังหวัด ยุติการชุมนุมรวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมีการชุมนุมใดใดจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอให้ผู้ร้องดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมคำร้อง
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อ 28 กันยายน 2563 ระบุตัวบุคคลที่กระทำตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างคือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นายอานนท์ นำภา และ นายภานุพงศ์ จาดนอก รวมทั้งกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการชุมนุมปราศรัยในวันที่ 19-20 กันยายน 2563 ณ ท้องสนามหลวง
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ตามคำร้องและคำร้องเพิ่มเติมผู้ร้องจะระบุตัวบุคคลที่เป็นผู้จัดการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 ก็ตาม แต่ยังคงไม่มีการเพิ่มเติมให้เห็นถึงการกระทำ พร้อมข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง คำร้องและคำร้องเพิ่มเติมดังกล่าวของผู้ร้องจึงมีรายการไม่ครบถ้วน ไม่ชัดเจน และไม่อาจเข้าใจได้ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง
อีกทั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ร้องแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง
ผู้ร้องไม่ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง เป็นกรณีต้องด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 53 วรรคสอง จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องในส่วนของการกระทำในการจัดการชุมนุมปราศรัย เมื่อ 19 กรกฎาคม 2563 ไว้วินิจฉัย
ส่วนกรณีผู้ร้องกล่าวอ้างว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการจัดการชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 วันที่ 19-20 กันยายน 2563 นั้น ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และเมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว คำขออื่นย่อมเป็นอันตกไป