เลขาฯเพื่อไทย ชี้คำวินิจฉัย บ้านพักหลวงของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ว่า มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในครั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีความชัดเจนและเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมาย มีประเด็นที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญมาตรา 184 (3) เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และระเบียบการเข้าพักอาศัยของกองทัพบก ปี 2553 เขียนไว้ชัดเจนว่า ผู้มีสิทธิ์อยู่อาศัยในบ้านหลวง จะต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยออกจากราชการ หรือย้ายออกจากกองทัพบกมาก่อน และยังมีระเบียบของกองทัพบกว่าด้วยบ้านพักรับรอง
ส่วนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม กำหนดอย่างชัดเจนว่าห้ามรับเงิน หรือสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่างๆ จึงมีความมั่นใจว่า เรื่องข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ มีความชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็อยู่บ้านพักหลังนั้นจริงๆ หากอ้างว่าเป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูแลความปลอดภัยและเป็นผู้ทำคุณงามความดี นายประเสริฐ ระบุว่า เรื่องความปลอดภัยฟังไม่ขึ้น ส่วนเรื่องคุณงามความดีนั้นข้าราชการกระทรวงอื่นก็ได้ทำคุณงามความดีเหมือนกัน ดังนั้นจะยกเรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่ได้
นายประเสริฐ ยังระบุด้วยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญเพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ หากคำตัดสินออกเป็นบวกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปอาจจะหมายถึงว่าข้าราชการเกษียณอายุราชการไปแล้วสามารถอยู่บ้านหลวงต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นลบ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะมี 2 แนวทางคือ 1. หลุดจากความเป็นนายกรัฐมนตรี 2. ไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกภายในระยะเวลา 2 ปี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลต้องพ้นจากตำแหน่ง เป็น ครม.รักษาการ และฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ส่งอัยการส่งศาลฎีกาต่อ
ส่วนรัฐมนตรีคนอื่น เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ยังพักอยู่ในบ้านพักทหาร ฝ่ายค้านก็จะยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นบรรทัดฐานว่าอยู่ไม่ได้แล้ว สำหรับที่อดีต ผบ.ทบ. ให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าสามารถอยู่บ้านพักทหารได้นั้น ส่วนตัวมองว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญใหญ่กว่ากฎระเบียบของกองทัพ จะขัดรัฐธรรมนูญไม่ได้
เมื่อถามว่าหากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างใด นายกรัฐมนตรีควรที่จะต้องออกจากบ้านพักในค่ายทหารหรือไม่นายประเสริฐ ระบุว่า คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงกว่าคนปกติทั่วไป ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้มาแล้วนายกรัฐมนตรีควรออกมา ไม่ควรอยู่แล้ว ส่วนที่อ้างว่าบ้านพิษณุโลกยังซ่อมแซมไม่เสร็จนั้น ก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอยู่ที่ในกรุงเทพฯ ฉะนั้นการตัดสินจะเป็นอย่างไรนายกรัฐมนตรีก็ไม่ควรอยู่แล้ว เพราะจะเป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างไรก็ตาม
เมื่อถามอีกว่าหากผลคำวินิจฉัยเป็นบวกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ฝ่ายค้านจะนำประเด็นนี้ไปเตรียมไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
นายประเสริฐ ตอบว่า ถ้าเป็นประเด็นเดียวกันก็คงไม่ได้ใช้แล้ว แต่หากเป็นประเด็นที่มีความแตกต่างก็กำลังรวบรวมว่าจะใช้เป็นประโยชน์ได้หรือไม่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี.
ตนได้รักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างถึงที่สุดแล้ว คำวินิจฉัยไม่ตรงกันกับข้อเท็จจริงที่ตนยื่นไป โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยว่านายกรัฐมนตรีต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ก็พักบ้านพักส่วนตัว และได้รับการดูแลจากรัฐ ไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษอย่างใด พรรคต้องกลับไปหารือในพรรค เพราะคำวินิจฉัยจะเป็นแนวทางให้องค์กรอื่นๆ ปฏิบัติตาม และน่าคิดว่าจะทำอย่างนี้ต่อไปหรือไม่ แต่จะไปร้องสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไม่ได้แล้ว เพราะศาลวินิจฉัยว่าไม่มีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และจริยธรรม อย่างไรก็ตามขอดูคำวินิจฉัยของตุลาการศาลแต่ละบุคคลก่อน
คนเป็นรัฐมนตรีต้องมีวุฒิภาวะ และมาตรฐานทางจริยธรรมสูงกว่าบุคคลอื่น เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องบุคคลทั่วไปสงสัยอยู่ ดังนั้นการจะอยู่หรือไม่อยู่ต่อขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตัวท่านเอง นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนกังวลว่าจะมีงบประมาณในการก่อสร้างบ้านพักอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับทหารที่เกษียณ และทำคุณงามความดีกับแผ่นดิน อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยจะมีการดำเนินการตรวจสอบติดตามเรื่องการปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะเรื่องบ้านพักสวัสดิการ ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. เคยกล่าวไว้ เพราะทหารผู้น้อยไม่มีบ้าน แต่ทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณยังอยู่บ้านพักในค่ายทหาร ถือเป็นช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ควรต้องมีกฎหมายเพื่อผลักดันเรื่องความเหลื่อมล้ำต่อไป
เครดิตแหล่งข้อมูล : thaipost