พิชัย ยกคดี สมัคร เทียบ ประยุทธ์ อยู่บ้านหลวงผิดหรือรอด!?
และขอชื่นชมนักศึกษาและนักเรียนที่ออกมาชุมนุม ซึ่งจะไม่ทำให้ไทยถอยหลังเหมือนประเทศพม่าในอดีต และเชื่อว่าประเทศจะต้องก้าวพ้นยุคมืดนี้ และก้าวหน้าต่อไปได้ และนักศึกษาได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ในการชุมนุม ซึ่งจะพัฒนาต่อไปในความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศต่อไป
ต่อมาได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้สอบถาม โดยได้มีสื่อต่างประเทศให้ความสนใจสอบถามหลายเรื่อง เช่นเรื่องคดีบ้านพักนายกที่จะตัดสินวันนี้ โดยนายพิชัยได้ตอบว่าคดีนี้ถ้าพลเอกประยุทธ์ถูกตัดสินผิดก็เป็นปัญหา อีกทั้งถ้ารอดไม่ถูกตัดสินว่าผิดก็จะยิ่งเป็นปัญหาเช่นกัน เพราะสังคมได้เห็นชัดแล้ว
เรื่องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งนายพิชัยได้ตอบเหมือนกับที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลักต่างประเทศ The Straits Times ว่า สถาบันมีความสำคัญกับประเทศไทย พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ พรรคต้องมั่นใจว่าทุกภาคส่วนของสังคมจะยอมรับเรื่องนี้ ก่อนที่พรรคจะพูดถึงเรื่องนี้ อีกทั้งจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร) ขึ้นมาอยู่แล้ว ซึ่งสมาชิก สสร. จะต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และจะเป็นหน้าที่ของ สสร. นี้ ที่จะต้องนำเรื่องนี้ไปพิจารณา
และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะแข็งแกร่งและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า จะชิงคะแนนเสียงจากพรรค พปชร. มาได้มากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรคก้าวไกล แม้จะมีฐานเสียงเดียวกัน เพราะสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะทำให้มาตรฐานชีวิตของพวกเขาดีขึ้น
ในคำถามเรื่องการปฏิรูปการศึกษานั้น นายพิชัยตอบว่า หากจำกันได้พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายหนึ่งนักเรียนหนึ่งแทบเล็ต ที่คิดมากว่า 10 ปีที่แล้ว เพื่อต้องการปฏิรูปการศึกษา อีกทั้งเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิตอลที่ขยายตัวอย่างมากในปัจจุบันที่มหาเศรษฐีของโลกร่ำรวยมาจากธุรกิจดิจิตอลและเทคโนโลยีเกือบทั้งหมด เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยที่คิดล่วงหน้า
นายพิชัย ยังกล่าวสรุปว่าประเทศไทยมีเวลา 1-2 ปีในการที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกโดยเร็ว เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ การระบาดของไวรัสโควิด กลับเป็นตัวช่วยให้ประเทศไทยเพราะทำให้โลกยังต้องรอประเทศไทย มิเช่นนั้นโลกคงพัฒนาทิ้งไทยไปไกลแล้วถ้าไม่มีไวรัสโควิด เพราะถึงมีหรือไม่มีวิกฤตไวรัสโควิดเศรษฐกิจไทยก็จะยังย่ำแย่จากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์อยู่แล้ว
โดยล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว. พลังงานได้ออกมาโต้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เตือนว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายเริ่มแผ่ว โดย ธปท. ได้เสนอตัวเลขอ้างอิงชัดเจน โดยนายสุพัฒนพงษ์ กลับเถียงว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แผ่ว เพราะมี "คนละครึ่ง" และ "เราเที่ยวด้วยกัน" มาช่วยหนุน ซึ่งเป็นการเถียงนี้เหมือนต้องการหลอกตัวเอง และ หลอกประชาชน
ทั้งนี้เพราะหากนายสุพัฒนพงษ์จะไดัศึกษาและคำนวณจะพบว่า 2 นโยบายดังกล่าวมีผลต่อจีดีพีและเศรษฐกิจน้อยมาก หรืออาจจะแทบไม่มีผลเลย เป็นเพียงแค่นโยบายเด็กเล่นเพี่อชะลอความนิยมของรัฐบาลที่กำลังทรุดหนักเท่านั้น หากรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจยังไม่เข้าใจ หรือ พยายามจะหลอกตัวเอง โดยไม่ยอมรับความจริง เศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนัก เพราะจะแก้ปัญหาไม่ถูกทาง