รถฉีดน้ำ คันละ 30 ล้าน เสียหาย 5 คัน ยังไม่รู้ซ่อมได้ไหม

วันที่ 18 พ.ย.63 -พ.ต.ท.ศราวุธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการควบคุมฝูงชน 1 ลงพื้นที่สำรวจรถยนต์ของราชการที่เสียหายจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่บริเวณแยกเกียกกาย รัฐสภา เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ซึ่งขณะนี้รถที่เสียหายบางส่วนได้ถูกนำมาจอดรวมไว้ที่ลาน บก.อคฝ. หลังสนามบุณยะจินดา สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

พ.ต.ท.ศราวุธ เปิดเผยว่า จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่ามีรถฉีดน้ำแรงดันสูงที่ใช้ควบคุมฝูงชน ราคาเฉลี่ยคันละ 30 ล้านบาท เสียหายรวม 5 คัน โดยเป็นรถที่เช่าซื้อจากประเทศเกาหลี หรือ รถจีโน่ จำนวน 3 คัน ได้ขนย้ายมารวมไว้สโมสรตำรวจเรียบร้อยแล้ว และรถที่เช่าซื้อจากประเทศจีน หรือ รถจันจิน จำนวน 2 คัน ยังจอดรอการขนย้ายอยู่ที่บริเวณแยกเกียกกายและด้านหน้ารัฐสภา นอกจากนี้ ยังมีรถเติมน้ำเสียหายอีก 2 คัน และรถควบคุมผู้ต้องหาเสียหายอีก 3 คัน ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างรอประเมินมูลค่าความเสียหาย

สภาพความเสียหายส่วนใหญ่พังยับเยิน ซึ่งสาเหตุสำคัญ เกิดจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปิดล้อมรถ แล้วมุดเข้าไปใต้ท้องรถและเข้ารื้อสายไฟ แผงวงจร และระบบควบคุมต่างๆ จนเครื่องยนต์ดับ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในรถควบคุมฝูงชน 4-5 นาย ได้แก่ พลขับ พลวิทยุ เจ้าหน้าที่ประจำปืนฉีดน้ำ และเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม ต้องยอมถอยออกจากรถไปเพื่อความปลอดภัย

พ.ต.ท.ศราวุธ ยืนยันว่า รถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนมีศักยภาพเพียงพอที่จะป้องกันผู้ชุมนุม ไม่ให้เข้าทำลายรถ โดยสามารถชนคนให้กระเด็นก็ได้ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการทำร้ายผู้ชุมนุม จึงตัดสินใจยอมถอยออกจากรถ

รถฉีดน้ำ คันละ 30 ล้าน เสียหาย 5 คัน ยังไม่รู้ซ่อมได้ไหม

ส่วนมาตรการที่ได้ใช้กับผู้ชุมนุม ยืนยันว่าไม่รุนแรง เพราะได้ทำการทดสอบระบบด้วยตัวเองทั้งหมดแล้ว โดยความเข้มข้นสารของสารเคมีที่ใช้ มีตั้งแต่ระดับ 3% 6% และ 9% ซึ่งครั้งนี้ใช้เพียงแค่ 3 % เท่านั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต

ส่วนจะสามารถซ่อมแซมรถที่พังเสียหายได้หรือไม่นั้น ต้องรอผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลีเข้ามาประเมินความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งยังไม่แน่ใจต้องจำหน่ายเลยหรือไม่ และหลังจากสำรวจความเสียหายโดยละเอียดเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะจัดทำรายงานแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ เพื่อรอคำสั่งดำเนินการต่อไป

สำหรับรถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนที่ประจำการอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 9 คัน พังเสียหายไปแล้ว 5 คัน เหลือใช้งานได้อยู่ราว 4 คัน แต่ก็ยังมีรถในลักษณะเดียวกัน ประจำการอยู่ที่ภูธรภาค หากมีความจำเป็นคาดว่าก็จะมีคำสั่งให้นำมาเสริมประจำการในพื้นที่กรุงเทพ.