วิโรจน์ อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกรัฐสภาร่วมอภิปรายในญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมัยวิสามัญ ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชแผ่นดิน โดยระบุว่า การบังคับให้คนทุกคนในสังคมคิดเหมือนกันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ละเอียดอ่อน อย่างกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นย่อมก่อให้เกิดความหวาดระแวงต่อกันในหมู่ประชาชนที่เห็นต่าง


"ท่าทีของรัฐบาลต่อปรากฏการณ์ในสังคมที่เกิดขึ้นในวันนี้มีความสำคัญอย่างมาก รัฐบาลที่ยึดโยงกับประชาชน ต้องเปิดใจรับฟังเสียงของประชาชนและใช้วิธีการตามระบอบประชาธิปไตย และกลไกทางรัฐสภาในการคลี่คลายปัญหา ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นที่ปลอดภัย และเปิดโอกาสที่ให้คนที่คิดต่างได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุด้วยผลอย่างมีวุฒิภาวะ เมื่อความเห็นที่แตกต่างของกันและกันได้รับการเคารพ แต่ละฝ่ายก็จะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ความหวาดระแวงที่มีต่อกันก็จะผ่อนคลายลง มองเห็นเจตนาที่ดีของอีกฝ่ายมากขึ้นจะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้การพูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในสังคมภายนอก มีวุฒิภาวะตามไปด้วย"
.



"แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับทำสิ่งตรงกันข้าม ไม่รับฟังเสียงของประชาชน ไม่สนใจ สุดท้ายเสียงที่แค่บอกให้ฟังก็กลายเป็นเสียงตะโกน จากเสียงตะโกน ก็จะกลายเป็นเสียงของผู้คนมารุมโห่ไล่ จนเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตามมวลชนที่เพิ่มขึ้น แทนที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นแกนกลางของปัญหา จะทบทวนตัวเอง สำนึกในโทษานุโทษที่ตนเองก่อไว้ แต่เปล่าเลย นายกรัฐมนตรีคนนี้ กลับยืนกรานว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ยึดอำนาจในปี 2557 จนถึงทุกวันนี้ ตนเองไม่เคยทำผิดอะไรเลย สิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำอยู่ไม่ต่างจากการเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ เอาน้ำมันก๊าดราดใส่ในกองเพลิง ใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติไล่จับกุมประชาชนที่คิดต่าง โดยยัดข้อหามาตรา 116 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขู่ว่าจะจับกุมผู้ใช้สื่อโซเชียลถึง 300,000 ราย พยายามที่จะปิดหู ปิดตาประชาชน ด้วยการออกคำสั่งปิดกั้น และคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน"


***ไม่เรียนรู้ความสูญเสียจากประวัติศาสตร์ - ปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง ยังคงใช้โมเดล 6 ตุลา 19

วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความความพยายามผลิตซ้ำเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ซึ่งครั้งนั้นมีการจัดตั้งลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มกระทิงแดง และกลุ่มนวพล ซึ่งมีความโยงใยกับฝ่ายรัฐ ที่พร้อมเอาประเด็นอ่อนไหวมายุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชัง อาฆาตมาดร้ายต่อกัน จนประชาชนกลุ่มหนึ่งรู้สึกว่าตนได้รับใบอนุญาตให้ฆ่าจากรัฐบาล จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมสังหารหมู่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่สามารถจับกุมฆาตกรผู้ก่อการสังหาร มาดำเนินคดีได้เลยแม้แต่คนเดียว และเหตุการณ์ดังกล่าวยังนำไปสู่การทำรัฐประหารในที่สุด
.

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


"เหตุการณ์แบบ 6 ตุลา 19 ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดซ้ำ โศกนาฏกรรมในลักษณะนี้ได้ถูกผลิตซ้ำมาแล้วครั้งหนึ่งในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ทุ่งสังหารแยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 กับผังล้มเจ้าที่ไปรับสารภาพกลางศาลว่ามโนขึ้นมาเอง มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ แม้ว่า 10 ปีจะผ่านไป ประวัติศาสตร์หน้านี้ก็ยังไม่ถูกชำระ ฆาตกรยังคงลอยนวล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดที่จะเรียนรู้จากความเสียหายจากประวัติศาสตร์เลย ทุกวันนี้ ยังจะเอาคำว่า "ชังชาติ" หรือ "ล้มเจ้า" มาปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง จากนั้นก็ฆ่า ทำ Big Cleaning แล้วก็ทำรัฐประหาร แต่งเพลง ขายฝันปฏิรูป แล้วก็ฆ่าใหม่ ทำรัฐประหารใหม่ จะวนซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ และผมคิดว่าต้องเลิกได้แล้วครับ กับการออกคำสั่งเกณฑ์กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ข้าราชการท้องถิ่น ให้ออกมาใส่เสื้อเหลืองชุมนุมเคลื่อนไหว ซึ่งปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือราชการ และแชท Line ต่างๆ เต็มไปหมด ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นความพยายามที่จะแบ่งประชาชนออกเป็นฝักฝ่าย จากนั้นก็จะใช้ความเกลียดชังถักทอเรื่องราวสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ที่นำไปสู่การปะทะประทุษร้ายต่อกันในหมู่ประชาชน"


เสื้อเหลือง ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความรู้รักสามัคคี - กลายเป็นการปกป้องอำนาจเผด็จการของประยุทธ์
.

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


วิโรจน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีชายเสื้อเหลืองคนหนึ่งไปร่วมชุมนุม และแสดงจุดยืนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ไม่สนับสนุนอำนาจเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเกือบถูกรุมทำร้ายโดยคนที่ใส่เสื้อเหลืองอีกกลุ่มหนึ่ง จนสังคมต้องตั้งคำถามว่า ปัจจุบันนี้เสื้อเหลืองได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องอำนาจเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออย่างในกรณีความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม กับท่าทีของ กอร.ฉ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ต่างกล่าวโทษไปที่นักเรียนมัธยมว่าเข้าไปยั่วยุก่อน เหมือนเป็นการรับรองความชอบธรรมในการทำร้ายประชาชน เพราะการตะโกน และชู 3 นิ้วของนักเรียน จะอย่างไรก็ไม่สามารถยอมรับให้เป็นความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรง เข้าไปประทุษร้ายผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งได้ สังคมจึงตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นสัญญาณที่รัฐบาลกำลังจะให้ท้าย ให้ประชาชนไปทำร้ายประชาชนได้ ใช่หรือไม่?


"พล.อ.ประยุทธ์ เอาแต่หลอนบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าการชุมนุมของประชาชนในครั้งนี้ มีคนอยู่เบื้องหลัง คิดดูถูกประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดว่าประชาชนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง พอตนเองไม่มีสติปัญญาที่จะบริหารราชการแผ่นดิน ก็เลยต้องใช้มุขเก่าๆ นั่นก็คือ การสร้างปีศาจ ยัดเยียดให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งเป็น "ศัตรู" แล้วก็ปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกัน จงใจสร้างความไม่สงบขึ้นมาเอง โดยเอาประชาชนกลุ่มหนึ่งเป็นเหยื่อ แล้วหลอกใช้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเครื่องมือ พอเกิดเหตุปะทะกัน ก็จะใช้อำนาจพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง กฎอัยการศึก หรืออาจจะหนักถึงขั้นทำรัฐประหาร เข้ามาคืนความสุข แล้วก็ขอเวลาอีกไม่นาน จากนั้นก็จะใช้กฎหมายจัดการกับประชาชนผู้เห็นต่างอย่างเลือกปฏิบัติต่อไป"

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


***ปชช. ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อเงื่อนไขความขัดแย้ง-เกลียดชัง ต้องยอมรับว่าคนที่เห็นต่างมีอยู่จริง ชี้ โครงสร้างอำนาจนิยมกดทับสังคมไทย


วิโรจน์กล่าวว่า วันนี้สิ่งประชาชนต้องพยายามช่วยกันก็คือ การประคับประคองไม่ให้สังคมนี้ต้องตกเป็นเหยื่อเงื่อนไงความขัดแย้งและความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้น วันนี้ต่างฝ่ายต้องยอมรับว่า คิดที่คิดต่างจากเรานั้นมีอยู่จริง เขาก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของเขา เราก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของเรา และต่างฝ่ายต้องมีความอดทนอดกลั้น และยืนยันที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่อาฆาตมาดร้ายต่อกัน

ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมต้องเข้าใจก่อนว่า ท่าทีที่ตรงไปตรงมาที่เราไม่คุ้นเคย จนกลายเป็นความเกรี้ยวกราดในบางครั้ง เป็นเพราะว่าเขาถูกกดทับด้วยอำนาจนิยม ทั้งในครอบครัว โรงเรียน สังคมและวัฒนธรรม กับสังคมที่ชายเป็นใหญ่ สังคมที่ให้อภิสิทธิ์กับผู้เกิดก่อน ระบบเส้น ระบบอุปถัมภ์ ที่ถ้าบอกแล้วต้องเชื่อ เล่าให้ฟังแล้วต้องซึ้ง สั่งแล้วต้องทำ ห้ามถาม ห้ามสงสัย ตอบไม่ตรงก็ไม่ได้

"สังคมที่พวกเขาเติบโตขึ้นมารายล้อมพวกเขาด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ได้อยู่ในสังคมที่อุดมไปด้วยอารมณ์แบบคนรุ่นก่อนอีกต่อไป ละครตบจูบที่ผู้ใหญ่ดูอย่างสนุกสนานไม่คิดอะไรในอดีต ปัจจุบันพวกเขากลับตั้งคำถามว่า การจับนางเอกไปขัง ข่มเห่งกันขนาดนี้ แล้วจะไปรักกันได้อย่างไร หรือต่อให้ผู้ใหญ่ในวันนี้บอกกับพวกเขาว่า "เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด" เขายังอยากจะรู้เลยว่าต้องเดินตามในระยะกี่เมตร หรือการ "อาบน้ำร้อนมาก่อน" พวกเขาก็ยังอยากจะถามว่า น้ำร้อนกี่องศา"
.

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


วิโรจน์ กล่าวต่อว่า การที่เขาออกมาแสดงออกในวันนี้ด้วยท่าทีที่เราไม่คุ้นเคย ก็เป็นเพราะอำนาจนิยมของสังคมนี้ที่กดทับเขามาโดยตลอด การแก้ปัญหานี้เราจะใช้อำนาจนิยมกดเขาให้หนักขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องพูดคุยและเข้าใจพวกเขา ด้วยสายใยทางสังคมที่มีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นสายใยของครอบครัว พ่อแม่ลูก สายใยของความเป็นเพื่อนที่เคยกอดคอกัน สายใยแห่งความปรารถนาดีของเครือญาติ และการมองพวกเขาในฐานะเพื่อนร่วมชาติ ที่หากวิกฤติของประเทศเกิดขึ้น ก็พวกเขานี่แหละที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติไปพร้อมๆ กับพวกเรา


การปฏิรูปสถาบัน มีเจตนาที่ดี เป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อธำรงรักษาไว้ - ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเป็นตัวกลางแก้ปัญหา

วิโรจน์ กล่าวว่า นอกจากการเรียกร้องไปที่รัฐบาล เพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ ยังจำเป็นที่จะต้องวิงวอนไปที่ประชาชนผู้เห็นต่างทั้งสองฝ่าย วันนี้เราต้องยอมรับว่า ประชาชนที่ใส่เสื้อเหลืองออกมาชุมนุม พวกเขามีความรักและห่วงใยในสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยใจจริง ซึ่งประชาชนอีกฝ่ายต้องเคารพในความคิดเห็นและการแสดงออกของพวกเขา ในขณะเดียวกันประชาชนอีกฝ่ายที่ต้องการการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่ได้เพ่งโทษและพยายามมองไปที่เจตนาที่ไม่ดี ก็จะเข้าใจได้ว่า ‘การปฏิรูป' ที่พวกเขาเสนอ คือ การปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อธำรงรักษาไว้เพื่อความสถิตย์สถาพรของสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เคียงคู่กับระบอบประชาธิปไตย เป็นมิ่งขวัญภายใต้รัฐธรรมนูญสืบต่อไป และปัจจุบันก็มีผู้หลักผู้ใหญ่และนักวิชาการได้ออกมาเสนอแนวคิดในการปฏิรูปสถาบัน ในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากพวกเขา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สามารถแลกเปลี่ยน และเห็นต่างกันได้
.

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)


"ผมเชื่อว่าในปัจจุบัน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ยังมีหนทางที่จะคลี่คลายได้ หากต่างฝ่ายต่างลดระดับการพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกำลังถูกเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง ในเมื่อประชาชนหวังพึ่งให้รัฐบาลนี้สร้างพื้นที่ปลอดภัย ที่ประชาชนที่คิดต่างรู้สึกไว้วางใจที่จะพูดคุยกันไม่ได้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประชาชนก็ต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยนั้นด้วยตัวของเราเอง และเมื่อพื้นที่ปลอดภัยนั้น มีขอบเขตที่กว้างขวางมากพอ บรรยากาศของประชาชนที่คิดต่างมีความไว้วางใจกันมากขึ้น ระแวงต่อกันน้อยลง ต่างฝ่ายต่างเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น การพูดคุยเพื่อหาทางออกในการปฏิรูปใดๆ ตลอดจนการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เป็นไปได้ที่จะมีฉันทามติ หรือมีการทำประชามติที่ทุกฝ่ายยอมรับ"


วิโรจน์กล่าวในช่วงท้ายว่า การคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ยังไม่สายเกินไป เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้แต่จะไม่รู้ตัวว่าตนเองได้กระทำผิดอะไรลงไปบ้าง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่า ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหานี้ได้อีกแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ขอให้พรรคร่วมรัฐบาล ได้พิจารณาถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แล้วเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่เป็นอิสระจากกลไกของ คสช. ให้มาขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จากนั้นจึงยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่

"รัฐนาวานี้ ได้นับถอยหลังลงแล้ว 3 2 1 0 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านเสียสละลาออกเถอะครับ ลาออกเพื่อให้ประชาชนได้นับอนาคตของพวกเขาไปข้างหน้า One Two Three Four Five ... "

#ก้าวไกล #ประชุมสภา #ประยุทธ์ออกไป #หยุดคุกคามประชาชน

วิโรจน์  อัด ประยุทธ์ แนะลาออก ยุบสภาให้ปชช.นับอนาคตตัวเอง (คลิป)

ชมคลิป
VVVVVVVVV
VVVVVV
VVV
V


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10:14 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์