สื่อผู้ดีทึ่ง‘สตรีทฟู้ด’ไทย การข่าวไวตั้งร้านที่จุดชุมนุมไล่รัฐบาลก่อนม็อบไปถึง

สื่อต่างชาติ เสนอข่าว CIA-like street food vendors first on scene to feed Thai protesters

ระบุว่า ในสถานการณ์การชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan-O-Cha) นายกรัฐมนตรี และเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย หลังจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทำให้รัฐบาลถูกประณามอย่างรุนแรงจากสังคมไทย ผู้ชุมนุมได้หันไปใช้กลยุทธ์ก่อกวนแบบกองโจร ด้วยการประกาศว่าวันไหนจะรวมตัวที่ใดแบบวันต่อวัน และนัดหมายล่วงหน้าที่แน่นอนเพียงหลักชั่วโมง

แต่ถึงกระนั้น ตลอดหลายวันหลังจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนรูปแบบการชุมนุม สิ่งที่พบคือบรรดาผู้ค้าหาบเร่แผงลอย หรือสตรืทฟู้ด (Street Food) ทั้งไส้กรอก เนื้อสัตว์ราดน้ำสะเต๊ะ ซุป เครื่องดื่มเย็น และผลไม้ดอง เป็นกลุ่มคนที่มักจะไปถึงสถานที่ชุมนุมก่อนบรรดาผู้ชุมนุมเสียด้วยซ้ำไป ทำให้บรรดาผู้ค้าเหล่านี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา หรือ CIA ที่ขึ้นชื่อระดับโลกด้านการหาข่าวกรอง

Rattapol  พ่อค้าลูกชิ้น เล่าว่า ตนติดตามข่าวสารของการชุมนุมผ่านเฟซบุ๊ก รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับผู้ค้ารายอื่นๆ ซึ่งปกติตนนั้นมีรายได้ดีอยู่แล้ว แต่การมาขายในสถานที่ชุมนุมยิ่งขายหมดเร็วขึ้นไปอีก จากเดิมที่เลิกขายตอนเที่ยงคืนของก็หมดตั้งแต่เวลา 20.00 น. อาทิ ในวันที่มีการชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ทั้งนี้ ผู้ค้าบางรายติดตั้งแผงขายอาหารเข้ากับมอเตอร์ไซค์ นั่นทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายได้รวดเร็ว

Anucha  อดีตชาวสวนยางที่หันมาเป็นพ่อค้าไก่ทอด ระบุว่า ในช่วงเวลาปกติตนจะมีรายได้ประมาณ 97 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3,000 บาทต่อวัน แต่เมื่อมาขายในที่ชุมนุม พบว่าทำรายได้เพิ่มเป็นเท่าตัว คือวันละ 192 เหรียญสหรัฐ หรือราว 6,000 บาท อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องกับฝ่ายผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และคงไม่ไปขายสินค้าในที่ชุมนุมของมวลชนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนเสื้อเหลือง

Nattapol  พ่อค้าไก่ทอดอีกราย กล่าวว่า แม้การขายสินค้าในพื้นที่ชุมนุมจะมีความเสี่ยง แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แน่นอนตนกลัวการสลายการชุมนุม แต่ก็มาจนชินเสียแล้ว