ศาลสั่งคุก1ปีปรับ2หมื่น11คนไทยแชร์โพสต์หมิ่น”บิ๊กป้อม”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ศาลสั่งคุก1ปีปรับ2หมื่น11คนไทยแชร์โพสต์หมิ่น”บิ๊กป้อม”
วันที่ 3 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีแชร์โพสต์เพจ KonthaiUK หมายเลขดำ อ.444/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุทัศน์ ประตัง หรือปะตัง กับพวกรวม 21 คน เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
จากกรณี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 นางวัฒนา เอ็บเบจซ์ ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และเป็นสมาชิก เฟซบุ๊กชื่อ "KhonthaiUK" ได้ลงภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมบรรยายข้อความ ในทำนองว่า ใช้งบประมาณ กระทรวงกลาโหม ซื้อดาวเทียม 9 หมื่นล้าน โดยกล่าวหาว่า จะนำไปใช้ละเมิดสิทธิ พร้อมภาพและข้อความอื่นๆ
ซึ่งข้อความดังกล่าวคนอ่านเข้าใจได้ว่า ขณะนั้น พล.อ.ประวิตร มีโครงการจะจัดซื้อดาวเทียม ราคา 91,200 ล้านบาท มาเพื่อใช้ละเมิดสิทธิของประชาชน และหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อดาวเทียมดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วกระทรวงกลาโหมไม่มีโครงการที่จะซื้อดาวเทียมราคา 91,200 ล้านบาท มาเพื่อละเมิดสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด ต่อมาระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน - 11 มิถุนายน 2561 จำเลยทั้งหมด ได้นำข้อความดังกล่าวไปโพสต์ลงใน Facebook เป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่สหราชอาณาจักร และประเทศไทยเกี่ยวพันกัน
จากกรณี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 นางวัฒนา เอ็บเบจซ์ ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และเป็นสมาชิก เฟซบุ๊กชื่อ "KhonthaiUK" ได้ลงภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมบรรยายข้อความ ในทำนองว่า ใช้งบประมาณ กระทรวงกลาโหม ซื้อดาวเทียม 9 หมื่นล้าน โดยกล่าวหาว่า จะนำไปใช้ละเมิดสิทธิ พร้อมภาพและข้อความอื่นๆ
ซึ่งข้อความดังกล่าวคนอ่านเข้าใจได้ว่า ขณะนั้น พล.อ.ประวิตร มีโครงการจะจัดซื้อดาวเทียม ราคา 91,200 ล้านบาท มาเพื่อใช้ละเมิดสิทธิของประชาชน และหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อดาวเทียมดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วกระทรวงกลาโหมไม่มีโครงการที่จะซื้อดาวเทียมราคา 91,200 ล้านบาท มาเพื่อละเมิดสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด ต่อมาระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน - 11 มิถุนายน 2561 จำเลยทั้งหมด ได้นำข้อความดังกล่าวไปโพสต์ลงใน Facebook เป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่สหราชอาณาจักร และประเทศไทยเกี่ยวพันกัน
อย่างไรก็ตามปรากฏว่า ในชั้นสอบคำให้การของศาลปรากฏว่ามีจำเลย 10 คน ให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะประวัติการกระทำความผิด รายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้พิจารณาประกอบคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง10 คนเป็นความผิดโดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยทั้ง 10 คนๆละ 2 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ส่วนจำเลยอีก 11 คนที่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน และสืบพยานทั้ง2ฝ่ายต่อไป
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง10 คนเป็นความผิดโดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยทั้ง 10 คนๆละ 2 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ส่วนจำเลยอีก 11 คนที่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน และสืบพยานทั้ง2ฝ่ายต่อไป
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น