ป.ป.ช. มีมติกรณี “บิ๊กป้อม” ยืมนาฬิกาหรู รอยืนยันมติ ก่อนเลขา ป.ป.ช. แถลง ด้าน “สุรศักดิ์” ระบุ ยืมของเชิงนิติประเพณี ป.ป.ช.ชุดก่อนเคยวินิจฉัยไม่ผิด ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบบรรณาธิการและผู้บริหารสื่อมวลชน
โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง กรณีการไต่สวน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีการยืมนาฬิกาเพื่อน 21 เรือน เป็นการรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาทตามกฎหมาย ป.ป.ช. หรือไม่ ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัย และมีมติออกมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอยืนยันมติ และจะให้เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงต่อสังคม รวมถึงเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. วินิจฉัย
“การลงมติกรณีนี้ ผมได้ขอถอนตัว เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องจากกรณีเดิม”
นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง การพิจารณาการยืมทรัพย์สิน ว่า
การยืมมี 2 ลักษณะ คือ ยืมในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นหนี้สิน และยืมในเชิงนิติประเพณี โดยในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ไม่มีการกำหนดให้แสดงรายการทรัพย์สินที่ยืมในเชิงนิติประเพณี และเรื่องการยืมที่ถือเป็นนิติประเพณีนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดก่อน เคยวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเคยมีกรณีการยืมทรัพย์สินประเภทรถยนต์จำนวนมาก อาทิ กรณีนักการเมืองรายหนึ่งขับรถเบนท์ลี่ย์สีชมพูเข้าทำเนียบรัฐบาล จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า มีการแจ้งทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ จนมีการตรวจสอบ แต่นักการเมืองรายดังกล่าวก็ได้ชี้แจงว่า ยืมมาจากเพื่อนที่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และได้คืนไปแล้ว จึงไม่ถือว่าทรัพย์สินที่ต้องยื่นแสดงต่อ ป.ป.ช. ดังนั้นการวินิจฉัยเรื่องการยืมทรัพย์สิน จึงยึดแนวคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ชุดก่อน
คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้เปิดเผยหนังสือการรายงานของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เรื่องการครอบครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ส่งให้กับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ หลังจากยื่นหนังสือไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562
โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นเจ้าของนาฬิกาตามที่ปรากฏเป็นข่าวและได้ให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้คืนนาฬิกาให้กับนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เมื่อใช้สอยเสร็จแล้ว การยืมดังกล่าวเป็นการยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่มิใช่หนี้สินตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
เพราะตามคำอธิบายการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินท้ายแบบบัญชีรายการหนี้สินล้วนหมายถึงหนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น มิใช่เป็นการยืมใช้สอยได้เปล่าและมีการคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้ให้ยืม
ดังนั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงการยืมนาฬิกาดังกล่าวเป็นหนี้สินในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน