DSIส่งคำแย้งคดีโอ๊ค-ฟอกเงิน ให้อสส.ชี้ขาดสั่งอุทธรณ์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง DSIส่งคำแย้งคดีโอ๊ค-ฟอกเงิน ให้อสส.ชี้ขาดสั่งอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ทีมโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า
กรณีที่ดีเอสไอสอบสวนคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตรายการปล่อยเงินกู้กลุ่มกฤษดามหานครของธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 และต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
กรณีที่ดีเอสไอสอบสวนคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตรายการปล่อยเงินกู้กลุ่มกฤษดามหานครของธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 และต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ได้มีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีดังกล่าว ซึ่งพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์และส่งเรื่องให้ดีเอสไอพิจารณาตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีดีเอสไอ
ทั้งนี้ การพิจารณาได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยดีเอสไอเห็นว่าเมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้องและที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษาประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว
เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นให้ส่งอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาตามกฎหมายต่อไป และส่งความเห็นพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับคดีนี้ สำนักงาน ปปง. ได้มีหนังสือกล่าวโทษต่อดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีอาญากับนางเกศนี จิปิภพ , นางกาญจนาภา หงษ์เหิน , นายวันชัย หงษ์เหิน และนายพานทองแท้ ชินวัตร รวม 4 คน ในความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
โดยทางคดีทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 ต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง จากนั้น พนักงานอัยการ ในฐานะโจทก์ ได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา จำนวน 5 ครั้ง ประกอบด้วย
ครั้งที่ 1 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 19 ธ.ค.62 ครั้งที่ 2 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 ก.พ.63 ครั้งที่ 3 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 มี.ค.63 โดยระหว่างนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์เมื่อวันที่ 19 มี.ค.63 และส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษามายังอธิบดีดีเอสไอเมื่อวันที่ 26 มี.ค.63
เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ซึ่งพนักงานอัยการได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา เป็นครั้งที่ 4 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 เม.ย.63
ต่อมาดีเอสไอ ได้ทำหนังสือแจ้งอัยการคดีพิเศษ เพื่อขอให้ศาลขยายเวลาอุทธรณ์คำพิพากษาออกไป เนื่องจากการพิจารณาความเห็นโต้แย้งหรือไม่ยังไม่แล้วเสร็จ
ซึ่งศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้เป็นครั้งที่ 5 ถึงวันที่ 25 พ.ค. 63...
ซึ่งศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้เป็นครั้งที่ 5 ถึงวันที่ 25 พ.ค. 63...
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น