ธนาธร เตรียมส่งอุปกรณ์ให้ รพ.ทั่วประเทศ สู้โควิด

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าว เปิดตัวอุปกรณ์ห้องตรวจโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจชนิดเฉียบพลัน และเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ว่า ตนได้รับการประสานงาน จากกลุ่มแพทย์และกลุ่มวิศวะที่เป็นคณะทำงานเดิมของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้รับตนแบบจาก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งได้นำต้นแบบมาพัฒนา

โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน 3 บริษัท โดยหนึ่งในนั้น คือบริษัท จรูญรัตน์อินจิเนียริ่ง จำกัด และได้มีการประสานกับโรงพยาบางที่ต้องการอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิดนี้ ทั้งหมด 12 โรงพยาบาล โดยจะส่งมอบในวันที่ 25-26 เมษายนนี้เป็นชุดแรก ที่จ.นนทบุรี และ จ.ยะลา

ขณะที่ในชุดสุดท้ายจะส่งมอบในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวนี้สามารถนำไปใช้ต่อในกลุ่มผู้ป่วยวัณโรคได้ต่อไปหลังจาก สถานการณ์โควิด-19 กลับสู่ภาวะปกติ

ธนาธร เตรียมส่งอุปกรณ์ให้ รพ.ทั่วประเทศ สู้โควิด - ไม่ทราบเรื่อง จม. ถึงแม่

สำหรับห้องตรวจโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจชนิดเฉียบพลัน นั้น 1 ห้องจะจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งแพทย์เป็นห้องแรงดันบวก และฝั่งผู้ป่วยเป็นห้องแรงดันลบ ซึ่งอากาศจากห้องผู้ป่วยจะไม่สามารถเข้าไปสู่ห้องของแพทย์ได้ โดยอุปกรณ์ตัวนี้ใช้งบประมาณ 6-7 แสนบาทต่อ1ชุด ส่วนเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ จะใช้หลักการเดียวกันกับห้องตรวจเชื่อฝั่งผู้ป่วย โดยจะดึงอากาศจากภายนอกเข้าสู่ตู้อะคริลิกใสก่อนที่จะหมุนเวียนผ่านระบบกรองเชื้อออกสู่ภายนอก ซึ่งใช้งบประมาณ40,000 บาท ต่อ 1 เตียง

นอกจากนี้นายธนาธร ยังกล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลส่งจดหมายเทียบเชิญ 20 มหาเศรษฐีของประเทศไทยให้เข้ามาร่วมเสนอแนะโครงการ และความคิดเห็นในการช่วยกันประชาชนแก้ไขวิกฤติภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งหนึ่งในรายชื่อนั้นมีชื่อของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของตัวเองอยู่ด้วย ว่า ในเรื่องนี้ตัวเองไม่ทราบเรื่อง และมารดาไม่ได้มาปรึกษาถึงเรื่องดังกล่าว

โดยส่วนตัวมองว่าไม่เพียงแค่รายชื่อมหาเศรษฐี 20 คนเท่านั้นที่จะช่วยเหลือประเทศในสถานการณ์แบบนี้ได้แต่ภาคเอกชนหลายหลายแห่งก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือ เหมือนกรณีที่ตนเองเข้ามาช่วยเหลือในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล ก็ถือเป็นการช่วยเหลือสังคม และประเทศชาติได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากแสดงสปิริตในการช่วยเหลือประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

ทั้งนี้ นายธนาธร ยังย้ำอีกว่าตัวเองไม่ได้ติดตามการส่งจดหมายเทียบเชิญ 20 มหาเศรษฐีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนกรณีที่มารดาไปบริจาคเงิน และบริจาคสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือประชาชนย้ำว่าเป็นเรื่องของมารดาที่ทำโดยไม่ได้มาปรึกษาตัวเอง

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการ ตามพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า รัฐบาลต้องรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินการทางเศรษฐกิจและการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งหากรัฐบาลจะใช้มาตรการกึ่งเปิดกึ่งปิด หรือ SEMI LOCKDOWN รัฐบาลต้องหาแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง

โดยการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ รัฐบาลยังต้องหาแนวทางการป้องกันด้านสาธารณสุข ซึ่งโมเดลกึ่งเปิดกึ่งปิดก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะเข้ามาดำเนินการในช่วงนี้ ทั้งนี้ขอฝากถึงรัฐบาลคำนึงถึงปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก.